วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

“Cavalli” อร่อยรสยูโรเปี้ยนฟิวชั่น รังสรรค์เมนูจานพิเศษ





บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆ ภายในร้าน “Cavalli”


นานๆ “ตระเวนกิน” จะได้เจอะเจอเพื่อนฝูงก๊วนเก่าแก่ (แต่อายุยังน้อยนะ) กับเขาสักครา ขอบอกว่านอกจากเราจะนัดเจอกันเพื่อเม้าท์กระจายแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องไม่พลาดที่จะต้องมีเรื่องกินๆ มาเกี่ยวข้องด้วย เพราะว่าการที่ได้เม้าท์กันไป กินกันไปด้วยนั้น มันช่างเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขสันต์ ที่สร้างความสำราญให้ทั้งกายและใจเป็นยิ่งนัก

ครั้งนี้พวกเรานัดมารวมก๊วนกันยังร้านอาหารน่ารักๆ ที่มีชื่อว่า “Cavalli Kitchen & Bar” (คาวาลลี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์) เป็นร้านอาหารน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน ตั้งอยู่ที่ ซ.ทองหล่อ 18 เหตุที่พวกเราเลือกมาที่ร้าน “Cavalli” (เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า ม้า) ก็เพราะว่า มีเพื่อนในก๊วนแนะนำมาว่าร้านนี้มีบรรยากาศชวนนั่งสบายๆ และมีอาหารที่ชวนกินอีกด้วย





เชฟอู๋ จิตติกร รุณทิวา ผู้สร้างสรรค์เมนูจานอร่อย


เมื่อมาถึงร้าน “Cavalli” ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านที่ดูอบอุ่น ตัวร้านตกแต่งสไตล์โคซี่ ผสมคอนเทมโพรารี่ดูสวยงามสบายตา มีโต๊ะให้เลือกนั่งหลากหลายมุมสบายๆ มีโซนเคาน์เตอร์บาร์ให้เลือกนั่ง หรือถ้าอยากสัมผัสลมธรรมชาติเย็นๆ ก็มีโต๊ะนั่งด้านนอกให้เลือกนั่งตามชอบใจ และในทุกวันศุกร์-เสาร์ ทางร้านจะมีดีเจมาคอยเปิดแผ่น แนวเพลงเฮ้าส์, แจ๊ส, บอสซ่าเพราะๆ ให้ฟังแบบเพลิดเพลิน ตั้งแต่ 21.00 น. เป็นต้นไป

ส่วนเรื่องของอาหารก็มีดีไม่แพ้บรรยากาศ โดยมี เชฟอู๋ : จิตติกร รุณทิวา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของทางร้าน ผู้มากไปด้วยประสบการณ์การเป็นเชฟมืออาชีพ และมากไปด้วยฝีมือในการปรุงแต่งอาหาร ได้คิดค้นสร้างสรรค์เมนูอาหารยูโรเปี้ยนโมเดิร์น ฟิวชั่น ขึ้นมา และเชฟยังใส่ใจเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบที่เน้นแต่วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม มีคุณภาพและมีความสดใหม่ วัตถุดิบบางอย่างต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นพิเศษ เพื่อนำมาปรุงแต่งเป็นเมนูจานเด็ดกว่า 30 เมนูให้ได้เลือกลิ้มลองกันตามชอบใจ





Chicken Liver Terrine


อย่างเมนูจานเด็ดที่ในมื้อนี้พวกเราเลือกสั่งมาลิ้มลองก็มีอยู่หลายเมนูที่ชวนกิน เริ่มจากจานแรก Chicken Liver Terrine (220 บาท+) เป็นตับไก่ที่นำมาผัดกับส่วนผสมพิเศษอันหลากหลาย แล้วนำมาปั่นให้ละเอียดผสมกับเนย แล้วทำให้เป็นรูปทรง กินคู่กับเปปเปอร์โรนีและแป้งข้าวโพดของอิตาลีที่หุงจนนิ่ม ใส่พาเมซานชีสกับครีม ลิ้มรสตับไก่หอมๆ เนื้อเนียนนุ่ม กินเข้ากันดีกับเปปเปอร์โรนีรสดี และแป้งเนื้อนุ่มถูกปากดีจริง





Cavalli Pizza


เมนูต่อมาที่สั่งมาคือ Cavalli Pizza (320 บาท+) เป็นพิซซ่าที่มีลักษณะเหมือนแซนวิช เชฟนำแป้งพิซซ่ามาผ่าครึ่งทาชีสมาสคาโปน ก่อนจะนำไปกริลล์ให้ชีสละลายเข้ากับแป้งและมีความกรอบ และใส่เห็ดหลายอย่างที่ผัดปรุงรสชาติแล้ว ทั้งยังมีมะเขือเทศ ผักร็อคเก็ต และแฮมอิตาลีที่สไลด์เป็นชิ้น แล้วนำแป้งมาประกบหั่นเป็นชิ้นแบบแซนวิช ส่งชิ้นพิซซ่าเข้าปากเคี้ยวกร้วมถูกปากกับไส้ต่างๆ ที่สอดไส้อยู่ด้านในรสชาติดีเข้ากับแป้งพิซซ่าบางกรอบ และมีเครื่องเคียงอย่างแบล็คโอลีฟ กรีนโอลีฟและเคเปอร์ ให้กินแกล้มกับพิซซ่าด้วย





Sticky Rice Risotto


แล้วก็มาชิม Sticky Rice Risotto (290 บาท++) เป็นเมนูริซอสโต้ที่มีความแปลกไม่เหมือนร้านไหน ตรงที่เชฟนำข้าวเหนียวของไทยมาทำเป็นริซอสโต้แบบอิตาเลียน และใส่ดอกคำฝอยแทนแซฟฟรอน ข้าวริซอสโต้ราดด้วยถั่วลันเตาผัดกับมะเขือเทศและเห็ดหลายชนิด ลิ้มรสริซอสโต้แล้วโดนใจปากตรงที่ข้าวเหนียวเป็นเม็ดเคี้ยวนุ่ม ได้รสชาติกลมกลืนเข้ากับถั่วลันเตารสกลมกล่อม





Pasta Dok Kajorn


และก็ไม่พลาดที่จะสั่งพาสต้ามาชิมกัน ที่สั่งมา คือ Pasta Dok Kajorn (270 บาท+) เป็นพาสต้ากลิ่นอายแบบไทยๆ เพราะเชฟนำเส้นพาสต้า (เลือกเส้นพาสต้าได้) มาผัดกับดอกจขร ใส่พริกแห้ง มะเขือเทศ และอิตาเลียนซอสเซสที่เชฟปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษนำมาผัดให้เข้ากัน ผัดแบบแห้งๆ เสิร์ฟมาร้อนๆ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ม้วนเส้นพาสต้าเข้าปากเส้นเหนียวเคี้ยวนุ่ม อร่อยถูกปากกับอิตาเลียนซอสเซส และดอกขจรเคี้ยวมันปาก





Pasta Cabonara


ต่อด้วยอีกหนึ่งเมนูพาสต้าจานเด่น Pasta Cabonara (290 บาท+) เชฟนำเบคอนมาผัดให้กรอบ ใส่หอมใหญ่ ใส่น้ำสต็อกไก่ ใส่ครีมที่ไม่ข้นมากแล้วนำเส้นพาสต้า (เลือกเส้นพาสต้าได้) ลงไปผัดให้เข้ากัน จุดเด่นอยู่ที่การใส่ไข่ไก่ที่ผ่านการต้มด้วยกระบวนการพิเศษจนทั้งไข่ขาวและไข่แดงมีความสุกเท่ากัน แล้วโรยหน้าด้วยพาเมซานชีส ผักชีไทยและเบคอนกรอบ เวลากินแนะนำว่าควรเจาะไข่แดงให้แตกแล้วคลุกให้เข้ากันกับเส้น จะได้สัมผัสถึงรสชาติของคาโบนาร่าที่รสเนียน ละเลียดเส้นพาสต้าเหนียวนุ่มถูกปากโดนใจดีแท้





Pork Tenderloin


ส่งท้ายด้วยเมนู Pork Tenderloin (420 บาท+) หน้าตาชวนกิน จานนี้เป็นหมูสันในหมักกับเครื่องเทศสูตรเฉพาะของเชฟนานข้ามคืน ผ่านกระบวนการทำให้หมูสุกตามสูตรเฉพาะของเชฟ และนำมาจี่ให้เนื้อหมูด้านนอกกรอบนิดๆ และมีสีสวย เวลาเสิร์ฟหั่นมาเป็นชิ้น กินคู่กับซอสที่มีส่วนผสมของมะเขือยาวและมะกอกเขียว และกะหล่ำปลีสีม่วงที่ทำเป็นสตู แล่ชิ้นเนื้อหมูส่งเข้าปากเคี้ยวนุ่มฉ่ำปาก เข้ากันดีกับซอสรสกลมกล่อม





Crème Brulee, Panna Cotta, Macadamia Brownie


ทั้งหมดนี้คือเมนูจานเด็ดที่พวกเราสั่งมาลิ้มรสกันจนติดใจ แต่ก็ขอบอกว่าในเมนูยังมีอาหารจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนลิ้มรสอีก อาทิ Chicken Confit (350 บาท+) Cavalli Steak Australian Wagyu Striploin Score 6 (1,750 บาท+) Pasta Namn (270 บาท+) Steamed Clams in White Wine Sauce (220 บาท+ / 350 บาท+) ฯลฯ แถมยังก็มีของหวานที่น่ากินมากๆ คือ Strawberry Crème Brulee (150 บาท+) Panna Cotta (150 บาท+) Macadamia Brownie (195 บาท+) และเครื่องดื่มที่ชวนดื่มให้ชื่นใจอย่างMint Lychee (150 บาท++) Passion Fruit Tango (150 บาท++)





บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ


เรียกว่ามื้อนี้พวกเราได้อิ่มหนำสำราญกายและใจกันอย่างสุขสันต์ ถ้าหากว่ามิตรรักนักกินทั้งหลายอยากจะมีความรู้สึกอิ่มท้องกับอาหารรสชาติดี ท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ชวนนั่งสบายๆ แบบนี้บ้าง ก็พากันมาได้ที่ร้าน “Cavalli” แห่งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น