วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

“ปลาทูท่าฉลอม” กินอร่อยแบบหน้าเริ่ด เชิด หยิ่ง

ปลาทูท่าฉลอม หน้าเริ่ด เชิด หยิ่ง
       “ปลาทู” เจ้าปลาตัวน้อยจากท้องทะเลที่อยู่คู่ครัวกับคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะนำมาประกอบอาหาเป็นเมนูไหนก็อร่อยถูกปากถูกใจไปทุกเมนู
      
       “ปลาทู” เป็นปลาทะเล เป็นญาติกับปลาทูน่าที่มีขาดใหญ่กว่ามาก มีขนาดลำตัวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 14-20 เซนติเมตร โดยมีพฤติกรรมการอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงบริเวณใกล้ฝั่งที่มีน้ำลึกไม่เกิน 30 เมตร และในอ่าวไทยของเรานั้นก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเจ้าปลาทูตัวน้อยนี้ และถึงจะมีขนาดตัวเล็กแต่ก็มีประโยชน์มากมาย
      
       “ท่าฉลอม” อีกหนึ่งท่าปากอ่าวของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร ท่าเรือแห่งนี้นับว่ามีความผูกพันกับปลาทูมาอย่างยาวนานไม่แพ้ที่ไหนๆ โดยปลาทูที่จับได้ที่ท่าฉลอมแห่งนี้จะได้รับฉายาว่า “หน้า เริ่ด เชิด หยิ่ง”
เมนูฉู่ฉี่ปลาทู
       เหตุผลนั้นมาจากคำบอกเล่าของ คุณสาวงษ์ จุ้ยเจริญ ประธานชมรมอวนดำจังหวัดสมุทรสาคร ที่บอกกับไว้ว่า อ่าวไทยของเรานั้นอุดมสมบูรณ์ ปลาทูไม่ว่าจะมาจากบริเวณไหนของอ่าวไทยก็อร่อยทั้งหมด แต่จะมีข้อแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละพื้นที่ ส่วนที่ปากอ่าวท่าฉลอมนี้ พื้นดินจะเป็นดินเลนล้วนๆ จึงมีความอุดมสมบูรณ์มาก ซึ่งปลาทูของท่าฉลอมนั้น ได้มีฉายาว่า “หน้า เริ่ด เชิด หยิ่ง” ก็เพราะว่าปลาทูของท่าฉลอม ไม่ได้รอให้ปลาตายในอวนแล้วค่อยนำมาแช่น้ำแข็ง แต่ปลาทูท่าฉลอมจะถูกทำให้ตายตอนที่ยังเป็นๆ คือเมื่อถูกจับขึ้นมาแล้วก็จะนำขึ้นมาน็อคในน้ำแข็งทันที
      
       โดยวิธีการจับปลาทูนั้นจะใช้เรืออวนดำในการจับ ซึ่งจะออกเรือตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. จะใช้เวลาออกเรือจับปลาไม่เกิน 10 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็นำมาจำหน่ายที่ท่าเรือ ปลาทูท่าฉลอมจึงเป็นปลาทูที่สดเพราะไม่ได้ถูกแช่แข็งไว้นาน หากได้นำไปประกอบอาหารไม่ว่าจะเมนูไหนแล้วก็อร่อยขึ้นอีกเป็นเท่าตัว คุณสาวงษ์ยังแอบกระซิบว่า ปลาทูของไทยจริงๆ นั้นไม่มีแบบที่ตัวใหญ่ ซึ่งปลาทูชนิดที่อาศัยอยู่ในอ่าวไทยจะมีขนาดตัวเล็กเรียกว่าปลาทูตัวสั้น ส่วนปลาทูตัวใหญ่ในท้องตลาดเป็นปลาทูที่ได้มาจากทะเลประเทศอินโดนีเซีย หากต้องการกินแบบสดใหม่และคุณประโยชน์ยังอยู่ครบถ้วนก็ให้เลือกปลาตัวเล็กซึ่งเป็นของไทยแท้ๆ
ทัศนียภาพปากอ่าวท่าฉลอม
       ไม่ได้เด็ดที่รสชาติเพียงเท่านั้น เจ้าปลาทูตัวน้อยยังมีประโยชน์อย่างมากมาย โดยในเนื้อปลาทูมีสารโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอล และลดการอักเสบ อีกทั้งปลาทูยังนำมาประกอบอาหารได้อีกหลากหลายเมนูไม่ว่าจะนำมาทอด ต้ม นึ่งและเมนูอื่นๆ ก็เป็นที่ชื่นชอบถูกปากถูกใจอย่างไม่รู้ลืม แต่ในปัจจุบันนี้ปลาทูในอ่าวไทยมีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากมีปริมาณความต้องการในการบริโภคเพิ่มมากขึ้น เราจึงควรหันมาใส่ใจในการอนุรักษ์ในเรื่องนี้ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเจ้าปลาตัวน้อยนี้จะได้อยู่คู่ครัวไทยไปตราบนานเท่านาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น