วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

25 เคล็ดลับในครัวที่จะทำให้คุณ “เสียของกิน” น้อยลง

ตามสถิติพบว่า ชาวอเมริกันโดยเฉลี่ย “เสียของกิน” อันเนื่องจากกินไม่ทัน กินไม่หมด ราว 25% ของจำนวนที่พวกเขาซื้อมา วันนี้เราจะเอา “เคล็ดลับ” มาฝากกัน คุณจะได้ไม่เป็นอย่างพวกเขาเหล่านั้น!

1. เอาน้ำมันทา “ไข่ไก่”
20c4f2c81035b52c2450afd6c7ff4b70_650x
Source: blue_velcro

การเอาน้ำมันพืชทาไข่ไก่ก่อนแช่เย็น จะยืดอายุไข่ได้นานกว่าเดิม 3-4 อาทิตย์
2. เอาช้อนปอกขิง
1deab71c44e66689eaefbe67e06128d8_650x
Source: chicaandjo.com

การใช้ช้อนมาขูดเปลือกขิงออก พบว่าไวกว่า และไม่กินเนื้อเท่ากับการใช้มีด

 
3. เอาขนมปังมากันเค้กไม่ให้แห้งแข็ง
42058866a181df5872729566a5dfad50_650x
Source: createdby-diane.com

เมื่อตัดเค้กแล้วทานไม่หมด ให้เอาไม้จิ้มฟันมาติดขนมปังไว้ที่เค้กแบบนี้ เค้กส่วนที่เจออากาศจะได้ไม่แห้งแข็ง

 
4. เจามะนาว
638ecbd701ba46147eeb025d900b2799_650x
Source: calliope

สำหรับเมนูที่ใช้น้ำมะนาวแค่นิดเดียว และคิดว่าไม่คุ้มท่าจะหั่นทั้งลูก ลองเอาไม้จิ้มฟันมาจิ้ม และบีบเอาเท่าที่ต้องการ ที่เหลือ แค่เอาสก๊อตเทปมาปิดรูไว้ แช่เย็นต่อไป ก็สามารถนำมาใช้ได้อีก
5. พลาสติกห่อชีส…อย่าทิ้ง!
bc35d83dd3067b1b09780268142123d5_650x
Source: jenandjoeygogreen.com

ต้องการใช้ชีสเท่าไหนให้ตัดทั้งเปลือกเลยตามภาพ พอเอาชีสออกแล้ว ส่วนที่ห่อ ก็สามารถนำไปหุ้มปลายส่วนของชีสที่เหลือได้อยู่ จะได้ไม่แห้งแข็ง ไม่น่าทาน

 
6. เติมน้ำมัน น้ำส้ม เครื่องเทศ ลงในมายองเนสที่อยู่ก้นขวด แล้วเขย่า
71e106ff74a8f509b9dfff422445e475_650x
Source: manitobacouponmaven.com

หลายๆ ครั้งที่เราทานไม่หมด การทำแบบนี้จะทำให้คุณได้น้ำสลัด และมายอมเนสที่อยู่ก้นขวด เอาไม่ขึ้น ก็ได้ออกมาใช้ประโยชน์นั่นเอง

 
7. แช่เบอร์รี่ในน้ำส้มสายชูผสมน้ำ ป้องกันการขึ้นรา และล้างสารเคมีได้ดี
c67c9afd9c6e1ab470468d2de27248ad_650x
Source: food52.com

หรือจะแช่น้ำร้อนก็ได้เช่นกัน

 
8. เก็บหอมแดง หอมใหญ่ หรือกระเทียมในถุงกระดาษเจาะรู
148b7a28930162670f9e8643ea409a3b_650x
Source: theyummylife.com

จะอยู่ได้นานอย่างน้อยสองเดือน โดยไม่ขึ้นราเลยทีเดียว

 
9. เก็บอะโวคาโดที่หั่นแล้ว กับหอมใหญ่ผ่าซีก
d450e170b3a2e8a4c46521f3f576718a_650x
Source: thekitchn.com

ซัลเฟอร์จากหอมใหญ่ จะช่วยไม่ให้มันเหลือง เหี่ยว หรือจะใช้แอปเปิ้ล ไซเดอร์มาฉีดพรมเล็กน้อย ก็ได้เช่นกัน!

 
10. เก็บแอปเปิ้ลกับมันฝรั่งเข้าด้วยกัน
51c605050b190d6c38047f5f3a39bc5f_650x
Source: mocoloco.com

Ethylene gas จากแอปเปิ้ลจะช่วยยืดอายุมันฝรั่งได้ดี

 
11. เติมนมอุ่นๆ ลงในกระปุกนูเทลล่าที่จะหมด และเขย่า
2629ca7486ef1ab7453b64b2e0fe3946_650x
Source: yumsugar.com

คุณจะได้ช็อกโกแลตอุ่นๆ ทานกับไอศกรีมได้ดี
12. ปอกมะม่วงด้วยแก้ว
c44598e4b6056fc9286bc5b18b0f006f_650x
Source: foodpostink.com

ปอกแบบนี้ คุณจะไม่ปอกกินเนื้อให้เสียดายอีกต่อไป

 
13. เก็บสับปะรดคว่ำหัว
37cf06a74b50410adc7b7a8c85d304b9_650x
Source: yumsugar.com

เร่งให้มันสุกงอมเร็วขึ้น ด้วยการทำแบบนี้จะทำให้น้ำตาลไหลขึ้นสู่ด้านบน แต่อย่าลืมเด็ดใบออกก่อนล่ะ

 
14. ห่อเซลลารี่ในกระดาษฟอย
54c222cfc55e7c239118c09a1a8eb990_650x
Source: jillconyers.com

จะอยู่ได้นานเป็นเดือน วิธีนี้ใช้กับบร็อกโคลี่ได้เช่นกัน
15. เก็บกระปุกเนยถั่วคว่ำลงสองสามวันก่อนเปิดกิน
635df5c17a5bfdb98f5cdabdd2d40112_650x
Source: thekitchn.com

จะช่วยให้คุณกินง่ายขึ้น และเลี่ยงปัญหาด้านล่างแห้งและแข็งกว่าด้านบน

 
16.ห่อขั้วกล้วยด้วยพลาสติกใส
8d5cce0ecff052ff00e3d24898fc1b9b_650x
Source: jillconyers.com

จะเก็บได้นานกว่าเดิมอีก 3-5 วัน

 
17.เปลี่ยนนมเก่าให้กลายเป็นชีส
8316726cb3174d9e5894fb1cfc7b427a_650x
Source: chriswaits

ถ้านมใกล้หมดอายุ และทานไม่ทันแน่ อย่าทิ้ง ทำตามสูตรนี้ (http://www.foodnetwork.com/recipes/alton-brown/quick-cottage-cheese-recipe.html) มันจะกลายเป็นชีสแทน

 
18.เก็บสมุนไพรในน้ำมันแช่แข็ง
bb1cc7ac8b80776b5f1d08523ac792dd_650x
Source: seedsnow.com

สมุนไพรมักจะเสียเร็ว ถ้าอยากให้เก็บได้นาน ให้แบ่งใส่ช่องทำน้ำแข็ง เทน้ำมัน หรือ เนยละลายลงไป และแช่แข็ง

 
19.ห่อกะหล่ำในกระดาษก่อนแช่เย็น
7cbe6a60f92d782af49d42aeccbb074b_650x
Source: seedsnow.com

การห่อในกระดาษก่อนแช่เย็น จะยืดอายุได้นานขึ้น และไม่ต้องดึงใบเหี่ยวๆ ออกก่อนแช่ เพราะมันจะช่วยปกป้องใบที่อยู่ด้านใน

 
20.นำกากกาแฟไปทำปุ๋ย
901cda394f24c7b26cc56b5fa0d151e6_650x
Source: thewhitedahliablog.wordpress.com

กากกาแฟมีสารอาหารมาก และเหมาะกับการเติบโตของพืชดอก เพราะฉะนั้น อย่าทิ้ง
21.นำขนมปังหรือมันฝรั่งทอดกรอบที่เหม็นหืน เข้าไมโครเวฟ
25618b90312ff3832f663435a7e3d43b_650x
Source: livestrong.com

มันจะกลับมาอร่อยเหมือนเดิม สามารถใช้เตาอบได้เหมือนกัน

 
22.อุ่นพิซซ่าเก่าในกระทะ
fec672fc1f66a2fe78dcb26cdc05053f_650x
Source: marinmamacooks.com

น้ำมันที่อยู่ตรงขอบเดิมจะออกมา และทำให้มันกรอบอร่อยอีกครั้ง

 
23.เอาที่ปิดอาหาร มาปิดผักผลไม้ที่เหลือ
92887517af4648464c1daba2f5b7fc6d_650x
Source: foodhuggers.com

อย่างน้อย พวกนี้สามารถนำมาใส่ไข่คน ไข่เจียว หรือปั่นทานได้ เสียดาย!

 
24.เปลี่ยนน้ำอัดลมที่ไม่ซ่า เป็นไอศกรีมหวานชื่นใจ
ac08148a686656d9d1ddbeda7759b687_650x
Source: claire69

นำน้ำที่เหลือ ที่ไม่ซ่าแล้ว เทลงที่ทำน้ำแข็ง ก็จะได้ไอติมหวานชื่นใจ สำหรับเด็กๆ

 
25.นำผักที่เหลือมาปลูกใหม่ได้
bc029c5e3274bd2eba40a8aaf86622e4_650x
Source: thetoddanderinfavoritefive.com

นักวิชาการพบว่า มีผักมากกว่า 20 ชนิดที่สามารถงอกขึ้นมาเองได้

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปลาหมึกผัดพริกสดกับหอมใหญ่




... ส่วนประกอบ
1. ปลาหมึกหั่นชิ้นพอคำ (250 กรัม) 1 ถ้วยตวง
2. หัวหอมใหญ่ หั่นเสี้ยวบางๆ (120 กรัม) ½ ถ้วยตวง
3. พริกสดสีเขียว หั่นเป็นเส้นไม่เอาเม็ด (70 กรัม) ½ ถ้วยตวง
4. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
5. คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ½ ช้อนชา
6. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
8. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
10 ต้นหอมหั่นท่อน 1 นิ้ว 2 ต้น
... วิธีทำ
นำน้ำมันพืชใส่กระทะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมผัดพอหอม จากนั้นใส่ปลาหมึกลงผัดจนสุก ใส่หอมใหญ่ และพริกสด
ปรุงรสด้วย คนอร์ อร่อยชัวร์ น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ผัดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน และสุกดี โรยต้นหอมผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
นะครับผม

กล้วยน้ำว้าเชื่อมแดง



ส่วนผสม
1. กล้วย 1หวี
2. น้ำปูนใส (ได้มาจากการปูนแดง5กรัม ต่อน้ำ1 ลิตร)เวลาใช้ให้ตักแต่น้ำใสๆข้างบนเอามาใช้ค่ะ
3. มะนาว 1ลูก เวลาใช้ให้บีบเอาแต่น้ำ (น้ำมะนาวจะทำให้กล้วยไม่ดำและเงาสวยค่ะ
4. น้ำตาลทราย 500 กรัม
5. น้ำสะอาด 1 ลิตร ไว้ใส่ครั้งแรก
6. น้ำสะอาด 1ลิตร ไว้ค่อยเติมทีละ 250 มล. เวลาน้ำกล้วยเชื่อมงวด



วิธีทำ
1 .หั่นกล้วยเป็นชิ้น แล้วไปแช่น้ำปูนใส แช่ประมาณ 15 นาที แช่เสร็จล้างน้ำให้สะอาดแล้วพักไว้
(***กรณีที่เป็นกล้วยห่ามไม่ต้องแช่น้ำปูนใสก็ได้ค่ะ )แต่แอดมินชอบแบบข้างนอกแข็งๆข้างในค่อนข้างสุก เลยใช้กล้วยที่สุกแล้วค่ะ )
2. เอาน้ำตาลใส่ภาชนะ และเทน้ำสะอาดลงไป จากนั้นตามด้วยกล้วยที่เราล้างสะอาดแล้วใส่ลงไป ไม่ต้องรอให้น้ำเชื่อมเหนียวเหมือนการเชื่อมกล้วยไข่หรือกล้วยหักมุกนะคะ
3.จากนั้นเปิดไฟ เคี่ยวกล้วยไปเรื่อยๆ พอน้ำเชื่อมเริ่มเหนียวให้เราบีบมะนาวลงไปค่ะ ซักพักพอน้ำเชื่อมเริ่มงวดเราก็เติมน้ำสะอาดค่ะ แอดมินเติมน้ำประมาณ 3 ครั้ง แค่นี้เราก็จะได้กล้วยแดงแล้วค่ะ
4.ส่วนคนที่อยากได้กล้วยแดงมากๆ ให้ทำอย่างนี้ค่ะ จากที่เราทำข้อ3 แล้ว ให้เราปิดไฟ พักกล้วยไว้ก่อน รอจนกล้วยเย็น แล้วค่อยเปิดไฟใส่น้ำและเคี่ยวต่อ เพียงแค่นี้เราก็จะได้กล้วยน้ำว้าเชื่อมแบบแดงๆสุดๆแล้วค่ะ ปล.การเชื่อมกล้วยให้แดงนั้นใช้เวลานะคะ 3 ชั่วโมงขึ้นไป พอน้ำเขื่อมงวดเราก็เติมน้ำทำอย่างนี้ซ้ำๆกัน จนกล้วยแดงค่ะ

ขอขอบคุณสูตรจาก พาทำ พาทาน

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"ขนมกล้วย" อยากลองทำกันมั๊ย มาลองดูกัน




ส่วนผสม...
*เนื้อกล้วยน้ำว้าสุกงอมมากๆ ตัดหยาบๆ /หรือเนื้อฟักทอง,เผือก นึ่งสุกบดหยาบ 500 กรัม
*หัวกะทิข้นๆ (หรือกะทิกล่อง อร่อยดี) 400 กรัม
*น้ำตาลปี๊ปนิ่มเหลว 70 กรัม
*น้ำตาลทราย 180 กรัม
*เกลือป่น 2 ช้อนชา
^แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
*แป้งมัน 85 กรัม
*แป้งท้าวยายม่อม 85 กรัม(ไม่ใส่ก็ได้)
*มะพร้าวน้ำหอมทึนทึกขูดเส้น/มะพร้าวขูดขาว 70 กรัม
*มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น สำหรับโรยหน้าขนม



วิธีทำ...



- ผสมแป้งทั้งสามชนิดในอ่างผสม ค่อยๆใส่กะทิ 200 กรัม นวดกับแป้ง จนแป้งเหนียวจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดภาชนะ ถ้าแป้งยังไม่เหนียว ค่อยๆเติมกะทิได้อีก


- กะทิที่เหลือทั้งหมด ใส่น้ำตาลปีป น้ำตาลทราย เกลือ คนให้น้ำตาลละลาย แล้วใส่ผสมกับแป้งให้เข้ากันดี แป้งจะเหลว น้ำตาลต้องละลายไม่เป็นเม็ด
- ใส่กล้วย/ฟักทอง/เผือก ผสมให้เข้ากัน เหลือเนื้อกล้วย/ฟักทอง/เผือก เป็นชิ้นเล็กๆไว้บ้าง
- ใส่มะพร้าวน้ำหอมทึนทึกขูดเส้น ผสมให้เข้ากัน ตั้งพักไว้ 15 นาที ระหว่างนี้ ต้มน้ำให้เดือด
- ตักใส่ถ้วยตะไล หรือ ถาดทาน้ำมัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดเส้น
- ใส่น้ำในหม้อซึ้งให้ได้ 3/4 ของหม้อ เปิดไฟแรงพอน้ำเดือด นำขนมขึ้นนึ่ง จับเวลานึ่ง นาน 18-20 นาที จนสุก เนื้อขนมจะสุกใส
- พักไว้ให้เย็น จึงแคะออกจากถ้วย,หรือถ้าใช้ถาดก็ตัดเป็นชิ้นๆจร้า


**ใส่ช๊อกโกแล็ตอร่อยมาก ลองแบ่งแป้งมาสักส่วนหนึ่ง แล้วใช้ช็อกโกแล็ตแบบเม็ดผสมลงไปในแป้งด้วยก้อนนึ่ง จะได้ขนมกล้วยไส้ช๊อกโกแล็ต...อร่อยดีจร้า..ลองดู


สตูว์ไก่ สูตรนี้รสชาติไม่ได้นุ่มนวลแบบฝรั่ง



สตูว์ไก่ สูตรนี้รสชาติไม่ได้นุ่มนวลแบบฝรั่ง ถึงจะดำจะไม่ใสสวยแต่เข้มข้นทานกับข้าวสวยร้อนๆ วางช้อนไม่ลงเลยนะคะ 
....สูตรที่ให้ไว้โดยประมาณ ปรับรสตามชอบของแต่ละคนเลย 

สะโพกติดน่องชิ้นโตๆ 1 ชิ้น หมักในตู้เย็น 2 ชั่วโมง กับส่วนผสมตามนี้
* ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
* ซอสเปรี้ยว(วูเชสเตอร์ซอส) 1/2 ช้อนโต๊ะ (ไม่มีไม่ต้องใส่)
* แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
* พริกไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมอื่น
* หอมใหญ่ 1/2 หัว
* มะเขือเทศ 1 ลูก
* มันฝรั่ง แครอท ถั่วแขก....ตามจำนวนที่ชอบ 
แต่วันนี้ใส่แต่มันฝรั่ง 1 หัวค่ะ
* ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ 
* ซอสพริกศรีราชา 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้ามีเด็กทานด้วยไม่ต้องใส่ก็ได้)
* ใบกระวาน 1 ใบ
* ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย

วิธีทำ
* มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยม ทอดด้วยน้ำมันบางๆ พอเหลืองเอาขึ้นพักไว้
ที่เอาทอดก่อนเพื่อเวลาต้มมันจะได้ไม่เละ
* ไก่สะเด็ดซอสที่หมักไว้ให้หมด เอาลงไปทอดต่อด้วยไฟกลางให้ตึงทั้งสองด้านขึ้นพักไว้

* ตั้งน้ำมันเหลือจากทอดไก่ 1 ช้อนโต๊ะ เนยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
* เอาหอมใหญ่ลงผัดให้นิ่ม
* เอาไก่ลงไปผัดกับหอมใหญ่ให้เข้ากัน
* ใส่น้ำ 2 ถ้วยละลายกับซอสที่หมักไก่
* ตั้งไฟจนเดือด แล้วหรี่เป็นไฟอ่อน ตุ๋นไปจนไก่เริ่มนิ่ม
ระหว่างนี้ถ้างวดก็คอยเติมน้ำทีละ 1/2 ถ้วย
* ใส่มะเขือเทศ มันฝรั่ง ใบกระวาน 
* เร่งไฟแรงขึ้นเป็นไฟกลาง น้ำจะเริ่มข้นเพราะเราใส่แป้งมันตอนหมักไก่ไว้
* พอน้ำงวดเท่าที่ต้องการ ปรุงรสเพิ่ม ด้วยเกลือ พริกไทย
* ถ้าชอบน้ำแยะหน่อย เพิ่มซอสฝาเขียวกับน้ำมันหอยอย่างละหน่อยและชิมปรับรสเอาค่ะ
* งานนี้ไม่ต้องพึ่งซุปก้อนหรือซุปผงสำเร็จรูปก็ได้นะคะ เพราะมีน้ำมันหอยช่วยอยู่แล้ว 

....นอกจากจะทานกับข้าวสวยแล้ว ทานกับเส้นพาสต้าหรือขนมปังปิ้งก็แจ่มค่ะ 

แหนมกระดูกหมู ชุปแป้งทอด



แหนมกระดูกหมู ชุปแป้งทอด ทานกับขิงสดและพริกลูกโดด  ฟินเหมือนกินไส้กรอก ทำอีกแล้วจากครั้งที่แล้วไม่พอทาน เก็บสูตรกันคะ รีบแชร์ แปะฝาบ้าน ฝากไว้ในใจว่านี่คืออีกเมนูขี้เมาหรือไม่เมาก็กินได้ ไร้ผงแหนม แต่ไม่ไร้สาระ ที่สำคัญมันอร่อยสุดๆ
‪ส่วนผสม ง่ายๆไม่มีอะไรมาก
กระดูกหมู 1 กิโล
กระเทียมตำละเอียด 1/2 ถ้วย
ใส่เกลือ 1 ชตพูนๆ
ข้าวสวย 3/4 ถ้วย
คลุกเคล้าให้เข้ากัน

วิธีหมัก และทอด
1.ยัดใส่ในถุง มัดในแน่นไว้นอกตู้เย็น 2 วันเปรี้ยวปานกลาง 3วันยิ่งเปรี๊ยวมาก
2.เวลาทอด รูดข้าวที่ติดเนื้อ ออกสักนิด แล้วนำมาแป้งสาลีอเนกประสงค์มาคลุกเคล้าให้ทั่วๆ
3.เปิดแก๊ส ตั้งน้ำมันเยอะๆ และให้ร้อนจัด จับลงทอดให้ฟู่ๆ จนเหลืองกรอบ ยกออก ตักใส่จาน ทสนกับขิง พริก กระเทียม
บอกเลย ถ้าได้ทำแล้วต้องทำอีก!!!

ขอขอบคุณสูตรจาก

Love to eat & cook by Kulthida Chase

“หมูทอดน้ำปลา” กรอบนอกนุ่มใน หอมฟุ้งชวนชิม




“หมูทอดน้ำปลา” กรอบนอกนุ่มใน หอมฟุ้งชวนชิม
        เมนู “หมูทอด” ถือเป็นเมนูง่ายๆ ที่หลายๆ คนชื่นชอบ ซึ่งรสชาติของหมูทอดนั้นก็อยู่ที่การหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ จนเข้าเนื้อได้ที่
     
       มื้อนี้ก็มีสูตรหมูทอดอีกหนึ่งแบบมาให้ลองทำกินกัน เมนูนี้คือ “หมูทอดน้ำปลา” ที่จะหมักกับน้ำปลาและเครื่องปรุงต่างๆ จนได้ที่ ก่อนจะนำไปทอดจนสุกเหลืองดี ลองชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มๆ ข้างนอกกรอบนิดๆ หอมกลิ่นน้ำปลาอ่อนๆ
“หมูทอดน้ำปลา” กรอบนอกนุ่มใน หอมฟุ้งชวนชิม
        ส่วนผสม
       หมูสามชั้น 500 กรัม
       น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
       พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
       ไข่ไก่ 1 ฟอง
       น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
       แป้งทอดกรอบ 8 ช้อนโต๊ะ
       น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
       น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
     
       วิธีทำ เริ่มจากใช้มีดแกะสลักจิ้มให้ทั่วๆ ชิ้นหมูสามชั้น จากนั้นหมักหมูกับเครื่องปรุงต่างๆ ใส่น้ำปลา พริกไทยป่น ไข่ไก่ น้ำมันหอย แป้งทอดกรอบ และน้ำเย็นลงไป คลุกเคล้าให้ทั่วกัน แล้วนวดต่ออีกสักครู่ หมักทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
     
       พอหมักหมูได้ที่แล้ว นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปตั้งไฟกลางๆ ให้น้ำมันร้อน ใส่น้ำส้มสายชูลงไปเพื่อไม่ให้หมูติดกระทะ เสร็จแล้วนำหมูสามชั้นลงทอด ใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง ทอดจนหมูสุกเหลืองทีละด้านแล้วค่อยกลับด้าน พอสุกดีทั้งสองด้านก็ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ กินตอนร้อนๆ ได้หมูทอดน้ำปลาเนื้อนุ่มกรอบนอก จะกินเปล่าๆ ก็อร่อย หรือจะกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็ไม่เลว


“ผักดิบ” กินมากไปก็เป็นโทษ

 “ผักดิบ” กินมากไปก็เป็นโทษ
       พูดถึงอาหารสุขภาพ แน่นอนว่าจะต้องมีอาหารจำพวกผักอยู่ในนั้นด้วย อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “ผัก” นั้นมีประโยชน์มากมาย แต่หากว่าเรากินผักไม่ถูกวิธี ผักที่ว่าเป็นประโยชน์นั้นก็อาจจะกลายเป็นโทษไปก็ได้
       
       “108 เคล็ดกิน” จึงมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการกินผักดิบๆ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปดูกันเลย
       
       “ถั่วงอก” เรากินกันทั้งแบบสุกและดิบ ใส่ในก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หรือจะนำไปผัดผัก กินแกล้มกับขนมจีนน้ำยา ฯลฯ ซึ่งในถั่วงอกนั้นมีทั้งโปรตีน วิตามินซี วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และเลซิธิน ทั้งหมดนี้เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากว่าจะเลือกกินถั่วงอกดิบก็ควรจะกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น เพราะในถั่วงอกดิบมีสารไฟเตด ที่จะส่งผลในการขัดขวางการดูดซึมสารบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย
       
       “ถั่วฝักยาว” มีเส้นใยอาหารสูง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี โปรตีน และมีธาตุเหล็ก แต่ถ้ากินถั่วฝักยาวดิบ ก็ไม่ควรกินเยอะเกินไป เพราะในถั่วฝักยาวดิบจะมีแก็สสูง โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งอาจทำให้ท้องอืดได้ เนื่องจากกระบวนการในการย่อยเมล็ดและเปลือกของถั่วฝักยาวโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
       
       “ผักตระกูลกะหล่ำปลี” ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี ในผักกลุ่มนี้จะมีสารกอยโตรเจน ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อย ในระยะยาวอาจจะเป็นโรคคอพอกได้ แต่ในระยะสั้น หากกินมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อย
       
       “หน่อไม้-มันสำปะหลัง” จะมีสารไซยาไนด์ ในรูปของ ไกลโคไซด์ ซึ่งมีผลต่อระบบประสาท ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มึนงง หมดสติ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจหยุดทำงานได้ ฉะนั้นควรจะนำไปปรุงสุก หรือนำไปต้มน้ำทิ้งก่อนนำมาปรุงอาหารต่อไป
       
       สำหรับผักทั้งหลายที่ “108 เคล็ดกิน” บอกมานี้ หากกินดิบในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่ได้เป็นพิษต่อร่างกาย การจะส่งผลเสียต่อร่างกายนั้น จะต้องกินผักชนิดนั้นๆ อย่างเดียว ในปริมาณมากเป็นกิโลกรัม หรือหลายๆ กิโลกรัม หลายๆ วันติดกัน แต่หากกินตามปกติในชีวิตประจำวัน กินผักหลายๆ ชนิดสลับกันไป ผักต่างๆ ก็จะกลับมาเป็นประโยชน์ให้กับร่างกายของเรา
       

สมุนไพร รักษาโรคอัลไซเมอร์



สมุนไพร รักษาโรคอัลไซเมอร์

1. เกสรดอกบัวหลวง 1 หยิบมือ
2. มะตูมแห้ง 3 แว่น คั่วในกระทะ
หรือย่างก่อนจะหอมยิ่งขึ้น
3. ตะไคร้สด 3 ต้น
4. ใบเตย 3 ใบ
5. น้ำ 1 ลิตร

นำทุกอย่างใส่หม้อต้มรวมกันจนเนื้อมะตูมแห้งบาน แล้วเก็บไว้ดื่มวันละ 1 แก้ว ใครมีญาติผู้ใหญ่เริ่มหลงๆ ลืมๆ ควรทดลองต้มให้ท่านดื่ม ได้ผล

หมายเหตุ: สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องกินตลอดไป พอความจำดีขึ้นก็หยุดกิน หากเริ่มกลับไปหลงๆ ลืมๆ อีก ก็ทำกินใหม่
- เกสรดอกบัวหลวง หาซื้อได้จากร้านขายยาจีนแผนโบราณ
- มะตูมแห้ง มีขายในตลาดสด ร้านขายของชำ หรือร้านค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป
: สูตรนี้ นำมาจากตำราแพทย์แผนโบราณ
สูตรนี้ชีวอโรคยานำมาจากตำราแพทย์แผนโบราณ

ประโยชน์ของ ถั่วงอก



 ถั่วงอกพืชที่เรารู้จักและกินมานาน แต่จะรู้ไหมว่าถั่วงอกมีประโยชน์อย่างไร

คนจีนโบราณใช้ถั่วเหลืองงอกเป็นแหล่งวิตามินซีในฤดูหนาวที่ผักและผลไม้หายาก โดยเฉพาะกะลาสีเรือจะเพาะถั่วงอกกินในเรือเพื่อป้องกันและรักษาโรคลักปิด ลักเปิด เป็นอันรู้กันว่าถั่วเหลืองงอกมีวิตามินซี ส่วนถั่วเหลืองดิบ และเต้าหู้ที่ผลิตจากถั่วเหลืองก็หามีวิตามินซีไม่

เมื่อนำถั่วเหลืองมาเพาะเป็นถั่วงอกจะมีวิตามินซีสูง (ถั่วงอก 100 กรัม มีวิตามินซี 5 มิลลิกรัม) ส่วนโปรตีนในถั่วงอกมีมากกว่าถั่วธรรมดาเล็กน้อย นอกจากนั้นการงอกยังทำให้ เกิดวิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ ถั่วงอกมีธาตุเหล็กที่ร่างกายย่อยได้ง่ายกว่าผักอื่นๆ มีวิตามินบี 17 และมีสารเลซิธิน (Lecithin) ช่วยบำรุงประสาทและการทำงานของสมอง ที่สำคัญและน่าสนใจสุดๆ สำหรับหนุ่มสาวที่ไม่อยากแก่ ถั่วงอกสดๆ มีพลังชีวิตซึ่งทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่แก่เร็ว เนื่องจากในถั่วงอกมีสารต้านความแก่ชื่อ ออซินอน (Auxinon) มีคุณสมบัติช่วงให้ร่างกายเป็นหนุ่มสาวได้นาน ไม่แก่เกินวัยไปก่อนจะถึงเวลาอันควร

ถั่วงอกเป็นแหล่งวิตามิน การแพทย์จีนจึงนำถั่วงอกหัวโตไปต้มแกงจืดกิน ช่วยขับเสมหะ ทำให้ปอดโล่ง และขับปัสสาวะและเนื่องจากโมเลกุลของสารอาหารในเมล็ดของถั่วที่งอกได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ใน ลักษณะที่ร่างกายเราสามารถย่อยได้ง่าย โปรตีนถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน แป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตธรรมดาหรือกลูโคส และไขมันเป็นกรดไขมันเรียบร้อยแล้วถั่วงอกจึงเป็นอาหารที่ย่อยง่ายมากๆ เมื่อเรารับประทานจึงเท่ากับช่วยประหยัดการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ลดของเสียและสิ่งตกค้าง (toxin)ในร่างกาย เมื่อระบบร่างกายไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ร่างกายจึงเสื่อมช้า ไม่แก่เร็ว

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตำมะขามอ่อน



“ตำมะขามอ่อน” แค่ชื่อก็เปรี้ยวปากแล้ว ในมะขามอ่อนมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยปรับสมดุลและทำความสะอาดระบบขับถ่าย และมีแคลเซียม ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง มีทั้งประโยชน์ทั้งอร่อยขนาดนี้ พลาดไม่ได้

ส่วนผสม
มะขามอ่อน 150 กรัม
ปูเค็ม 1 ตัว
น้ำปลาร้าต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสีแดง 5-7 เม็ด
กระเทียมกลีบเล็ก 5 กลีบ
มะกอกสุกหั่นชิ้น 1 ลูก
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเปราะสีม่วงหั่นชิ้น 1 ลูก
มะเขือเปราะสีเหลืองหั่นชิ้น 1 ลูก



วิธีทำ
1. โขลกพริกขี้หนู และกระเทียมพอหยาบ
2. ใส่มะขามอ่อนโขลกพอหยาบ ใส่ปูเค็ม มะกอก
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ คนพอเข้ากัน
4. ใส่มะเขือเปราะสีม่วง มะเขือเปราะสีเหลือง โขลกพอเข้ากันดี ตักใส่จาน 
“เคล็ดลับที่ง่ายๆคือ ให้นำมะขามอ่อนไปต้มน้ำก่อนประมาณ 5 นาที จะทำให้ขูดเปลือกสีน้ำตาลออกได้อย่างง่ายดาย”

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แกงส้มกุ้งชะอมไข่(Hot and sour curry with shrimps + acacia omelette.)



แกงส้มกุ้งชะอมไข่(Hot and sour curry with shrimps + acacia omelette.)
ใครอยากทานบ้าง มาดูส่วนผสมกัน
* กุ้งขนาดกลาง 8-10 ตัว (ทำความสะอาด, ปอกเปลือก)
* เนื้อปลา 200 กรัม(ถ้าแกงแบบใต้จะไม่ใส่เนื้อปลา)
* น้ำพริกแกงส้ม 4 ช้อนโต๊ะ(ถ้าเครื่องแกงส้มหรือแกงเหลืองใต้ก็จะมีกระเทียม,พริกสดหรือพริกแห้งสีแดง,ขมิ้น,กะปิ)
* น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ(ใส่เกลือแทนก็ได้)
* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* น้ำมะนาว
* ชะอม 1 กำ (ทำไข่เจียวชะอม, จะไม่มีก็ได้)
* ไข่ไก่ 3 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)


วิธีทำทีละขั้นตอน
1. นำเนื้อปลาไปลวกให้สุกในน้ำร้อน จากนั้นนำเนื้อปลาออกมาบดให้เละ (ถ้ามีก้าง ก็ให้เอาออกด้วย) จากนั้นนำเนื้อปลาไปตำในครกกับน้ำพริกแกงส้มจนเข้ากันดี จึงนำออกมาเตรียมไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป
2. ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จึงใส่น้ำพริกแกงส้มที่ผสมกับเนื้อปลา (ขั้นตอนที่ 1) รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะขามและน้ำตาล
3. เติมกุ้งและไข่เจียวชะอม (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูด้านล่าง) รอจนแกงส้มเดือดอีกครั้ง จึงปิดไฟ ถ้าชอบเปรี้ยวอาจเติมน้ำมะนาวเพิ่มอีกได้ เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ


วิธีทำไข่เจียวชะอม :
1. ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว
2. นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟปานกลาง ใส่ไข่และชะอมลงไปทอด รอจนกระทั่งสุกเหลืองดี จึงปิดไฟและนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ และนำไปใช้ในการปรุงกับแกงส้ม หรือทานกับน้ำพริกอื่นๆก็ได้

ประโยชน์ของพริกขี้หนูที่เป็นสรรพคุณทางยา



พริกขี้หนู


ชื่ออื่นๆ : ครี ดีปลี ดีปลีขี้นก ปะแกว พริก พริกขี้นก พริกแด้ พริกแต้ พริกนก มะระตี้ มือซาซีซู ฯลฯ นอกจากให้รสชาติอาหารเผ็ดร้อนแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ลดการอุดตันหลอดเลือด ลดโคเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปอดและช่องปาก บรรเทาอาการเจ็บปวด ช่วยเสริมสร้างอารมณ์สดชื่น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญร่างกาย แก้พิษกัดต่อย ขับลมในลำไส้ แก้ไอ แก้เสมหะ แก้ปวด แก้เจ็บคอ แก้อาหารไม่ย่อย แก้เบื่ออาหาร บำรุงธาตุเป็นยากระตุ้น ลดอาการไขข้ออักเสบ

สรรพคุณ
- ใบ แก้อาการคันที่เกิดจากมดคันไฟ
- ผล ขับลม ช่วยเจริญอาหาร รักษาโรคเกาต์

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

13 อาหารใกล้ตัวเพื่อสุขภาพตับที่ดี



ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่หลายอย่างไม่ว่าจะผลิตน้ำดี ดักจับเชื้อโรค กำจัดของเสีย สะสมกลูโคส วิตามิน ฯลฯ แต่ถ้าตับป่วยล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ จะแนะนำวิธีทำความสะอาดเพื่อให้ตับมีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

1. เลมอน

น้ำเลมอนช่วยทำความสะอาดตับหรือดีท็อกได้ดี อย่าลืมดื่มวันละแก้วก่อนออกจากบ้านนะครับ


2. ผักและผลไม้สีสด

ดร. Sandra Cabot กล่าวว่าผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใสเช่นสีส้ม แดง ม่วงสด จะประกอบด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยทำความสะอาดตับได้อย่างดีเชียวล่ะครับ


3. บร็อคโคลี่

สารอาหารในผักสีเขียวจะแตกตัวเป็นสารซัลโฟราเฟน ซึ่งจะช่วยเร่งปฏิกิริยาในการกำจัดพิษในร่างกายได้ อย่าลืมทานบร็คโคลี่กันเยอะๆนะครับ


4. กระเทียม

กระเทียมช่วยเร่งเอนไซม์ตับเพื่อกำจัดของเสียออก นอกจากนั้นการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่ากระเทียมยังช่วยลดและป้องกันการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย


5. ส้ม

ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อตับมากที่สุดคือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เพราะมีส่วนประกอบเป็นกรดออร์แกนิคซึ่งช่วยล้างตับได้ดีทีเดียวนะครับ


6. ผักสีเขียวเข้ม

ผักที่มีสีเขียวเข้มอย่างเช่นผักโขม บร็อคโคลี่ กะหล่ำ เป็นแหล่งไฟเบอร์ลดความอ้วนอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ใครไม่ชอบทานผักแย่เลย


7. บีทรูต

บีทรูตประกอบด้วยสารบีเทนซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์พบว่าสารนี้สามารถป้องกันความอ้วนสะสมที่เกิดขึ้นจากตับได้


8. น้ำมันจากพืช

น้ำมันจากพืชอย่างเช่นน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วมะคาเดเมีย อโวคาโด และน้ำมันมะพร้าวก็ช่วยล้างตับได้


9. กะหล่ำบรัสเซลส์

พืชตระกูลกะหล่ำเช่น กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ และกะหล่ำบรัสเซลส์ ประกอบด้วยกลูโคซิโนเลต ซึ่งแตกย่อยเป็นซัลเฟอร์ช่วยดูแลและบำรุงรักษาตับที่ทำงานหนัก รวมถึงกำจัดพิษด้วย


10. ถั่ว

พืชตระกูลถั่วมีไฟเบอร์ แคลเซียม แม็กนีเซียม และโปรตีนที่นำไปใช้ได้เลยสูง ซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพน้ำตาลในเลือด และยังช่วยกำจัดสิ่งเจือปนที่ติดค้างอยู่ในลำไส้ด้วยนะครับ


11. หัวหอม

หัวหอมเป็นแหล่งรวมของสารซัลเฟอร์ซึ่งรู้จักกันดีในเรื่องกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซัลเฟอร์เป็นสารดีท็อกอย่างดีช่วยล้างพิษโดยเฉพาะในตับเลยนะครับ


12. แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลมาไฟเบอร์ช่วยลดความอ้วนและยังช่วยทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และกำจัดของเสียในระบบย่อยอาหาร


13. อาหารเสริม

อาหารเสริมที่ประกอบด้วยสาหร่ายสไปรูลิน่า ดอกพริมโรส เซนต์แมรี่ และขมิ้นคืออาหารเสริมที่ช่วยทำความสะอาดตับได้อย่างดีเลยล่ะ

เห็นมั้ยครับ อาหารแต่ละอย่างหาไม่ยากเลย ถ้าไม่เกินความสามารถก็พายามหามาทานนะครับ จะได้มีสุขภาพตับที่ดี