วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

ยำเห็ดเข็มทอง



วัตถุดิบ 
เห็ดเข็มทอง
หมูสับ กุ้งสด หมึกสด
มะเขือเทศ หอมใหญ่ คึ่นฉ่าย
มะนาว พริกขี้หนู
น้ำปลา น้ำตาล


วิธีทำ
1. ลวกเข็มเห็มทองในน้ำเดือดพอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
2. นำกุ้งสด หมึกสด และหมู ลวกให้สุก ตักขึ้นพักไว้
3. ทำน้ำย้ำโดยผสมน้ำปลา น้ำตาล มะนาว พริกขี้หนู ชิมรสตามชอบ
4. นำเห็ด กุ้ง หมึก และหมูที่สุกแล้วลงคลุกเคล้าในอ่างผสม ใส่น้ำยำลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟ

วันนี้มาทำข้าวมันไก่ทานกัน


มาดูวิธีทำ กับส่วนประกอบกัน. 
ข้าวหอมมะลิเก่า 1 กิโล 
เนื้อไก่ส่วนน่อง 2 น่อง ล้างทำความสอาดนำไปต้มให้สุก เก็บน้ำต้มไก่ไว้หุงข้าว 



วิธีทำทำน้ำจิ้ม มีส่วนประกอบดังนี้


ขิง กระเทียม อย่างละครึ่งถ้วยข้าวต้ม 
ใบผักชี พริกสวนมากน้อยตามชอบ. นำมาสับหรือปั่น พอแหลกไม่ต้องละเอียดมาก 
เต้าเจียวอยา่งดี2ช้อนโต๊ะ น้ำส้ม 2 ช้อนโ๊ต๊ะ 
ซีอิ้วขาว2ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว1ช้อนโต๊ะ 
น้ำตาลทราย1.1/2 ช้อนโต๊ีะ 
นำมาคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันดีชิมรส เค็มเปรี้ยวนำ หวานเผ็ดตามแล้วพักส่วนน้ำจิ้มไว้ 

เมื่อต้มไก่สุกดีแล้ว นำน้ำต้มไก่มาหุงข้าวต่อ ซาวข้าวล้างให้สะอาด แล้วเติมน้ำต้มไก่ลงไป กะไม่ให้ข้าวแฉะมาก
ปรุงรสด้วยเกลือป่น1ช้อนโต๊ะ 
ผงปรุงรสไก่1ช้อนโต๊ะ 
ตบกระเทียม รากผักชื 
ขิงหั่นชิ้นบางๆ3-4ชิ้นลงไป 
ส่วนมันไก่ถ้าไม่มีก็ใส่เนยเค็ม2ช้อนโต๊ะลงไปแทน
คนให้ส่วนผสมละลายชิมรสออกเค็มนิดมันหน่อยนำไปหุงต่อจนข้าวสุกดีแล้วก็ ตักข้าวใส่จาน สับเนื้อไก่ใส่ตามแต่งด้วยผักตามชอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม และน้ำซุปร้อนๆ
 


วิธีแกะเปลือกกุ้งง่ายๆ ภายใน 5 วิ แถมมือยังไม่เปื้อนอีกด้วย!

ใครๆ ก็ชอบที่จะกินกุ้งที่แกะเปลือกมาแล้วใช่มั้ยล่ะ เพราะไม่อยากที่จะมือเปื้อนและมานั่งเสียเวลากับการแกะเปลือกกุ้ง โดยเฉพาะกุ้งที่มีเปลือกอยู่รอบตัว บอกเลยว่าแกะยากสุดๆ จนบางคนถึงกับท้อ เลือกที่จะไม่กินมันซะเลย แต่วันนี้คุณจะไม่ต้องใช้มือแกะเปลื้องกุ้งให้ยุ่งยากแล้ว เพราะคลิปวิดีโอต่อไปนี้จะช่วยให้การแกะเปลือกกุ้งนั้นเป็นเรื่องง่ายเชียวล่ะ
ขั้นที่ 1 ใช้ช้อนตัดหัวกุ้งออก
ขั้นที่ 2 ใช้ส้อมจิ้มลงไปที่เปลือกกุ้งข้างหนึ่ง และใช้ช้อนแงะเปลือกกุ้งอีกข้างออก
ขั้นที่ 3 ใช้ช้อนดึงขากุ้งออก 
ขั้นที่ 4 ใช้ซ้อมจิ้มไปที่เนื้อกุ้ง ใช้ช้อนตัดหางกุ้งออก และก็ดึงเนื้อกุ้งออกมากินได้เลย




วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ไอศกรีมข้าวไรซ์เบอร์รี (สําหรบ 5-10 คน)




ช่วงนี้อากาศเย็นสบาย ทานของหวานเย็นเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นไปอีก วันนี้แสงแดดมีสูตรไอศกรีมข้าวไรซ์เบอร์รี่แบบฉบับโฮมเมดมาฝากกัน ทำทานกันได้ทั้งครอบครัวเลยนะคะ


ส่วนผสมและอุปกรณ์
- น้ํา 2 ถ้วย
- ข้าวสารข้าวไรซ์เบอร์รี 1 ถ้วย
- ใบเตยมัดปม 4 ใบ
- กะทิกล่อง 2 ถ้วย
- นํ้าตาลทราย 1⁄2 ถ้วย
- เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
- พิมพ์ไอศกรีมซิลิโคน
- ไม้ไอศกรีมสําหรับเสียบ


ขั้นตอน
1. ตั้งหม้อน้ําบนไฟกลาง ใส่ข้าวไรซ์เบอร์รีและใบเตยลงต้ม (หมั่นคนเพื่อไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ) ต้มจนข้าวสุกนานประมาณ 20-25 นาที สังเกตเมล็ดข้าวจะสุก บาน ปิดไฟ ยกลง ตักใส่ตะแกรง พักให้สะเด็ดน้ำ
2. ต้ังหม้อกะทิบนไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอเดือด ใส่นํ้าตาล และเกลือ คนให้ละลายเข้ากันดี ใส่ข้าวไรซ์เบอร์รีที่เตรียมไว้ ต้มพอเดือดอีกคร้ง ปิดไฟ ยกลง พักไว้ให้เย็น
3. เทใส่พิมพ์ วางไม้ไอศกรีมตรงกลาง นําเข้าแช่ในตู้เย็นช่อง แช่แข็งนานประมาณ 4-5 ชั่่วโมง หรือจนเซตตัว นําออกจากช่องแช่แข็ง แกะออกจากพิมพ์ จัดเสิร์ฟเย็นๆ

ที่มา สำนักพิมพ์แสงแดด

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

เผือกทอด อาหารว่างเจ กรอบนอกนุ่มใน สำหรับ คนทานเจ


เต้าหู้ทอด เผือกทอด และข้าวโพดทอด ถือเป็นอาหารว่างยอดดนิยมสำหรับคนกินอาหารเจเลยนะครับ แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงกินเจแล้วเกิดอยากรับประทานขึ้นมาก็อาจจะหาซื้อลำบากไปเสียหน่อย ผมเลยนำสูตรเผือกทอดเจ วิธีทำอาหารเจมาฝาก ทำง่าย ๆ ลองทำดูนะครับ


สิ่งที่ต้องเตรียม

         เผือกขูดเป็นเส้น 2 ถ้วย

         แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย

         แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย

         น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

         เกลือป่น 1 ช้อนชา

         งาขาว 2 ช้อนโต๊ะ

         กะทิ 1 ถ้วย

         น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย

         น้ำมันพืชสำหรับทอด

         น้ำจิ้มไก่สูตรเจผสมถั่วลิสงคั่วบดสำหรับรับประทานคู่


วิธีทำ

         1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี น้ำตาลทราย เกลือป่น และงาขาวเข้าด้วยกัน

         2. เติมน้ำกะทิ และน้ำปูนใส คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่เผือกลงผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้

         3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ตักเผือกลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนเผือกลอยขึ้น และสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน พร้อมรับประทาน

         แค่นี้เราก็ได้เผือกทอดไว้รับประทานเล่น ๆ ในช่วงกินเจเพลิน ๆ แล้วครับ

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

วันนี้มาทำน้ำปลาหวาน ไว้ทานกับสะเดา ปลาดุกย่างกัน



ส่วนประกอบ. 

- น้ำตาลปี๊บ 200-250กรัม
- น้ำมะขามเปียก2-3ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา2-3ช้อนโต๊ะ หอมซอย 
- กระเทียมซอยเจียว อย่างละครึ่งถ้วยข้าวตัม 
- พริกแห้งคั่วตำพอแหลก2-3ช้อนโต๊ะ 
- ถั่วคั่วป่นพอแตกครึ่งถ้วยข้าวต้ม 
- ใบผักชีพอประมาณ 

วิธีทำ

ติดไฟตั้งกะทะไฟกลางๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเติมน้ำเปล่าครึ่งถ้วยข้าวต้มผัดจนน้ำตาลละลายเดือดดีแล้วหลี่ไฟลง ใส่หอมกระเทียมเจียว พริกแห้งกับถั่วคั่วลงไป ปรุงรสน้ำมะขามและน้าปลาชิมรส หวานนำ เค็มเปรี่ยวตาม เผ็ดนิดมันหน่อย ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยใบผักชี เสิร์ฟพร้อมสะเดาลวก หรือผักชี และปลาดุกย่าง 

 

เกาเหลาหมูตุ๋นแบบทำเองที่บ้าน



เครื่องปรุง


- เนื้อหมูส่วนขั้วตับ 1 กก.

- เม็ดผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- อบเชย 2 - 3 ซ.ม.
- โปยกั๊ก 2 - 3 ดอก
- พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 1 หัว
- รากผักชี 3 - 4 ราก

เนื้อหมูส่วนขั้วตับจะมีพังผืดอยู่ มีลักษณะคล้ายๆ กับเนื้อสามชั้น เหมาะที่นำมาตุ๋นแบบเนื้อตุ๋น
นำเนื้อหมูขั้วตับไปลวกก่อนเพื่อขจัดกลิ่น ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เครื่องเทศและหมูลงไปต้ม พอเดือด ใส่ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำนิดหน่อย หรือจะใส่ซอสถั่วเหลืองด้วยก็ได้ จากนั้นก็หรี่ไฟ ตุ๋นให้เนื้อหมูเปื่อย



ใช้เวลาตุ๋นประมาณ 90 นาที เนื้อหมูเปื่อย ตักเนื้อหมูที่ต้มเปื่อยขึ้นจากหม้อทันที แล้วเอาพัดลมเป่าเพื่อให้เนื้อหมูเย็นลง ถ้าทิ้งไว้ ความร้อนที่มีอยู่จะทำให้เนื้อหมูเปื่อยมากเกินไป ตอนหั่นจะเละ ไม่เป็นชิ้นๆ


จัดการปรุงรสน้ำซุปอีกครั้ง ตามรสชาติที่ชอบ







ลวกถั่วงอก หั่นหมูเปื่อย วางในถ้วย ตักน้ำซุปร้อนๆ ราด โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย

เกาเหลาหมูตุ๋น


ทานพร้อมพริกน้ำส้ม หมูตุ๋น หรือ หมูเปื่อย เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ เพียงแต่ต้องหาซื้อเนื้อหมูขั้วตับจากเขียงหมูเท่านั้นเพราะไม่มีขายตามซูเปอร์

นำไปทำ ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ หมูตุ๋นได้เลย

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

ลองทำกันดูไหม?..ข้าวหน้าเบอร์เกอร์ไก่..


..สิ่งที่ต้องมี..
เนื้ออกไก่สับ 300 กรัม
หอมหัวใหญ่สับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
แคร์รอดหั่นสีเหลีายมลูกเต๋า 3 ช่อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
พริกไทยคำบดหยาบ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 3 ช้อนชาโต๊ะ
ข้าวสวย โคนต้นหอมซอยเส้น สาหร่ายตัดเส้น
เห็ดย่าง


.. วิธีทำ..
1. ผสมเนื้อไก่กับเกลือป่น พริกไทยป่นและน้ำตาล
ทราย นวดพอเข้ากัน
2. ใส่หอมหัวใหญ่กับแคร์รอด คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ปั้นเป็นก้อนกลม กดให้แบนเล็กน้อย
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน นำส่วนผสมไก่ใน ข้อที่ 2 ลงทอดด้วยไฟอ่อยจนสุก ตักขึ้นชับน้ำมัน
จัดใส่กล่องรับประทานกับข้าวสวย ตดแดางด้วย
ต่นหอม เห็ดย่าง และสาหร่าย
หากต้องการให้เนี้อไก่นุ่มสามารถใช้เนื้อส่วน
สะโพกแทนได้
สามารถนำไก่ที่ปั้นเป็นก้อนแล้วไปนึ่งให้เช็ด
ตัวก่อน เพื่อกันไม่ให้เนื้อไก่แตกรัหว่างทอด

เมนูเด็ด...สูตรและวิธีทำน้ำพริกกุ้งสด


ส่วนประกอบ
กุ้ง 7-10 ตัว ปอกเปลือกออกให้หมด ลวกด้วยน้ำเกลือ
กะปิอย่างดีห่อใบตองย่างให้หอม  1+ 1/2 ช้อนโต๊ะ (หรือประมาณ 80 กรัม).
กระเทียมตัดหัวท้าย ลอกเปลือกแข็งๆ ออก 10 กลีบ (ประมาณ 50 กรัม) 
พริกขี้หนูสวนสีแดงเขียว  8-10 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความชอบ)
มะเขือพวงเด็ด  50 กรัม
หอมแดง 2 ลูก (ไม่ใส่ก็ได้ รสชาติไม่ต่างกันมาก)
ไข่ต้ม, ผักสดหรือผักนึ่งสำหรับทานกับน้ำพริก (ถั่วฝักยาว, กะหล่ำปลี, แตงกวา, อื่นๆ)



... เครื่องปรุง
น้ำตาลปี๊บ  ½   ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว  2-3  ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา  1-2  ช้อนโต๊ะ
***ปริมาณน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล อาจจะต้องใช้มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความเค็มของกะปิ  ความหวานของน้ำตาล และขนาดตัวกุ้งด้วยครับ




... วิธีทำทีละขั้นตอน
นำกุ้งปอกเปลือก เด็ดหัวทิ้ง แล้วลวกด้วยน้ำเกลือต้มเดือดจนสุก (เพื่อดับคาว) จนกุ้งออกสีชมพู นำออกมาสะเด็ดน้ำ พักไว้
นำกะปิห่อด้วยใบตอง ย่างไฟ เพื่อเพิ่มความหอม
นำพริกขี้หนู, หอมแดง และกระเทียมไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน จนสุกหอม จากนั้นจึงนำไปตำในครกพร้อมกะปิและเนื้อกุ้งสัก 4-5 ตัว จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
จากนั้นใส่มะเขือพวงลงไป โขลกย้ำเบาๆ แค่พอมะเขือพวงแตก
ปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลาและน้ำมะนาว 
สุดท้ายนำกุ้งที่เหลือ ใส่ลงไป โขลกทุกอย่างเบาๆ (ไม่ต้องให้กุ้งเละ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำอุ่นลงไปเล็กน้อยไม่ต้องมาก (เพื่อปรับความข้น) เพียงเท่านี้ก็เป็นอันว่า เสร็จเรียบร้อย
ตักน้ำพริกใส่ถ้วย เสริฟพร้อมผักสด (หรือผักนึ่ง), ไข่ต้มและข้าวสวยร้อนๆ และที่ขาดไม่ได้เลยต้องชะอมชุบไข่ทอด ทานคู่กันกับน้ำพริกกุ้งสดอร่อยแซ่บหลายๆ นะครับผม

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

ก๋วยเตี๋ยว 10 บาท สวนกระแสของแพง! ถูกใจคนอุดรฯ


พบร้านก๋วยเตี๋ยวขายชามละ 10 บาท ใจกลางเมืองอุดรธานี ลูกค้าเพียบไม่ขาดสาย หลายคนบอกอร่อย แถมประหยัดเงิน เจ้าของร้านเผยเคยลำบากมาก่อน เวลาอยากกินก๋วยเตี๋ยวแต่เงินไม่พอ จึงมาเปิดร้านเองให้ทุกคนได้ทานกัน เปิดปุ๊บคนแน่นร้าน เพราะเห็นราคาไม่แพง

ช่วงบ่ายวันที่ 26 ม.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า มีชาวบ้านพูดปากต่อปากเกี่ยวกับร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง ขายชามละ 10 บาท ให้แก่ลูกค้าได้รับประทานกันอย่างประหยัด และรสชาติก็อร่อย ผู้สื่อข่าวจึงไปตรวจสอบพบร้านดังกล่าวตั้งอยู่ที่บริเวณตึกแถวอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เลขที่ 49/22 ถนนอดุลยเดช ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ชื่อร้านว่า “กินเตี๋ยว” พบมีลูกค้า ทั้งพนักงานห้างร้าน นักศึกษา พนักงานร้านค้า และประชาชนทั่วไปจำนวนมาก นั่งรับประทานและบางคนก็สั่งกลับบ้าน

จากการสอบถามลูกค้าที่มารับประทานส่วนใหญ่ กล่าวว่า เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ราคาถูกชามละ 10 บาท ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนในตัวเมือง ทำให้ประหยัดเงิน รสชาติก็ถูกปาก วัตถุดิบที่นำมาใช้ถือว่าคุ้มมากเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเงิน 10 บาท

นางสาวลัดดาวัลย์ เวยสาร อายุ 32 ปี หรือคุณนุช เจ้าของร้านเปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดสกลนคร ส่วนที่มาทำร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ 10 บาทนั้น มาจากมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่อยากจะกินก๋วยเตี๋ยวแล้วเงินไม่พอ เพราะราคาเฉลี่ยชามละ 30 - 40 บาท ตอนนั้นฐานะลำบาก ก็เลยคิดว่าสักวันหนึ่งถ้าเรามีเงินขึ้นมา จะเปิดร้านขายแค่ 10 บาท ให้คนทุกเพศทุกวัยได้กินกัน ซึ่งร้านเปิดมาได้เดือนกว่า มีเมนู (ก๋วยเตี๋ยว)เรือเหลาเปล่า เรือเล็ก เรือใหญ่ เรือบะหมี่ เรือหมี่ขาว มาม่า ชิ้นลวก ตับลวก เริ่มต้นที่ถูกสุดเพียง 10 บาท แล้วก็มีชามละ 20 บาท และ 30 บาทตามลำดับ โดยเฉลี่ยวันหนึ่งขายตกประมาณ 1 พันชาม เส้นประมาณวันละ 50 กิโลกรัม ลูกชิ้นก็เป็นลูกชิ้นหมูอย่างดี ส่งมาจากกรุงเทพ ทุกวันนี้ยอดขายวันละหมื่นกว่าบาท

นางสาวลัดดาวัลย์ กล่าวอีกว่า ทำแล้วรู้สึกเหนื่อยแต่ก็สนุก แต่ก็มีลูกน้องคอยช่วยเสิร์ฟ และช่วยขายให้ เมื่อก่อนที่จะมาเปิดขายก๋วยเตี๋ยว เคยเปิดร้านสเต็กที่ อ.พังโคน จ.สกลนคร ต่อมาเปลี่ยนมาเปิดที่นี่จากคำแนะนำของเพื่อน ก็อยากจะฝากร้าน “กินเตี๋ยว” ด้วย เปิดขายตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึงเวลา 20.00 น. เปิดบริการทุกวัน  



ขอบคุณข่าวจาก 


ปลาร้าบองรสเด็ดมาดูวิธีทำกันเลย


เครื่องปรุง
ปลาร้าสับให้ละเอียด ประมาณ 1 ถ้วย
ข่าหั่นละเอียด 2 ช้อนชา
ตะไคร้ซอยบางๆ 1 ต้น
หอมแดง
กระเทียม
ใบ มะกรูดหั่นฝอย
มะขามเปียกแกะเม็ดออก เอาแต่เนื้อ
พริกป่น

วิธีทำ

-ใส่ปลาร้าที่สับแล้วลงในหม้อ เอาไปคั่ว โดยการตั้งไฟให้ร้อน คนบ่อยๆ พอเดือดก็ยกลง

-ใส่ ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ลงในครกแล้วโขลกให้ละเอียด
ตักเครื่อง ที่โขลกใส่ลงในหม้อปลาร้า ใส่เนื้อมะขามเปียก คนให้เข้ากัน ใส่พริกป่น ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน

-เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย หรือจะเก็บไว้ในกล่องที่มีฝาปิดก็สามารถเก็บไว้กินได้หลายวัน

-ทาน กับผักสดเช่น มะเขือ หน่อไม้ ข้าวโพดอ่อน แตงกว่าฯลฯ

บางคนอาจไม่ชอบเอาปลาร้าไปคั่ว หรือทำให้สุกก่อน อันนี้ก็เลือกทำได้ตามใจชอบนะคะ จะไม่คั่วก็ได้ แต่แพทขอทำให้สุกก่อนแล้วกัน เพราะเป็นคนท้องเสียง่าย เพื่อความปลอดภัยค่ะ

บางตำราก็ใช้เครื่องเผา โดยเผาหอมแดงและกระเทียมให้สุกซะก่อน อันนี้ก็แล้วแต่ชอบค่ะ ทำได้ทั้งสองวิธี

* ควรเลือกซื้อปลาร้าที่ก้างไม่ใหญ่และแข็ง อย่างเช่น ปลาร้าปลาฉลาด ปลาร้าปลากระดี่

ข้อดี 10 อย่างของกะปิ รู้เเล้วอึ้ง

1. บำรุงกระดูก แคลเซียมจะถูกปลดปล่อยจากกะปิถ้าผ่านความร้อน เช่น ตอนปิ้งกะปิหรือทำข้าวคลุกกะปิด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ถ้าเบื่อดื่มนมมากก็ขอให้ลองหากะปิมาทานบ้างเพราะให้แคลเซียมมากกว่านมวัวหลายเท่านัก

2. ถูกกับเลือดจาง กะปิมีวิตามินบี 12 ซึ่งต้องได้จากภายนอกเท่านั้ ร่างกายเราสร้างเองไม่ได้ แต่มีในกะปิ วิตามินชนิดนี้ดีกับเลือดมาก หากขาดจะทำให้ป่วยเลือดจางได้เช่นเดียวกับท่านที่กินมังสวิรัติ

3. ไม่ให้ร้างฟัน มีการศึกษาโดยคุณหมอฟันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่า กะปิที่ผ่านความร้อนช่วยให้ฟันไม่ผุ ทำให้ชาวใต้ที่รับประทานกะปิและน้ำบูดูบ่อย ไม่ค่อยพบปัญหาฟันผุฟันสึกมากเหมือนพี่น้องภาคอื่น ๆ

4. บำรุงมันปลา มีน้ำมันโอเมก้า 3 ชนิดเดียวกับที่อยู่ในปลาน้ำลึกมาก เพราะเป็นตัวแม่ที่แท้จริงที่สร้างน้ำมันดีชนิดนี้ แถมมีมากและดูดซึมได้ดีด้วย ลองช่วยกินสลับกับปลาสดบ้างก็ดี ไม่ต้องกลัวธาตุเค็ม หรือ โซเดียม เกินจากกะปิ เพราะถ้าเทียบกันแล้วอาหารใกล้ตัวหลายอย่างมีมากกว่า อย่างปลาเค็ม ไส้กรอก แหนมและขนมกรุบ กรอบใส่ผงชูรส

5. หาจุลินทรีย์ เป็นเชื้อดีที่หมักอยู่ในกะปิมีสารพัดจุลินทรีย์ที่ช่วยเป็น ?โปรไบโอติกส์? ในลำไส้ เสริมภูมิให้เชื้อผู้ร้ายไม่มาแผ้วพาน แต่ข้อสำคัญคือต้องเลือกกะปิที่สะอาดดีจริงไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพิ่มเชื้อร้ายให้ท้องไส้เสียกันไปได้

6. มีป้องกันตา มีแอนตี้ออกซิแดนท์สำคัญคือ แอสตาแซนทิน กินแล้วช่วยคลายเครียดให้ตา ให้ไม่เหนื่อยล้าเมื่อยตา และล้างสนิมแก่ออกจากตาได้ดี

7. พาวิตามินดี นอกจากแสงแดดแล้วกะปิเป็นแหล่งวิตามินดีที่แสนดีที่นอกจากช่วยกระดูกแล้ว ยังช่วยคลายเครียดให้อารมณ์ผ่องใสได้ เพราะคนที่ไร้วิตามินดีมาก ๆ นั้นจะมีอารมณ์ออกไปทางซึมเศร้าเฉาชีวิต

8. ไม่มีเลือดหนืด ด้วยอานิสงส์จากน้ำมันดีในกะปิอีกแล้วที่ช่วยหล่อลื่นให้เลือดไหลปรูดปราดไม่ขาดช่วง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันตามที่สำคัญอย่างหัวสมองและหัวใจ ออกฤทธิ์คล้าย ๆ พี่ใหญ่แอสไพรินทีเดียว

9. ไม่จืดความคิด โอเมก้า 3 ช่วยหล่อลื่นให้สมองแล่นไวเหมือนกับได้น้ำมันออโต้ลู้บบำรุงสมอง และน้ำมันในกะปิเป็นของที่ละลายผ่านไขมันได้ดี จะช่วยบำรุงส่วนประสาทที่มีชั้นไขมันเคลือบอยู่ได้มาก

10. พิชิตโรคใจ ทั้งปกป้องห้องหัวใจและป้องกันหัวสมองที่เป็นดั่งดวงใจ ยกเว้นว่าอย่าทานเค็มจัดเกินไปเพราะในกะปิมีตัวช่วยสำคัญคือน้ำมันที่ช่วยหลอดเลือดอยู่ ทั้งในสมองและหัวใจเป็นเสมือนชุมทาง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:โรงพยาบาลราชวิถี

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

ปีกไก่อบต้มยำพริกเผา (ทำง่ายอย่างกับปอกกล้วย)


ส่วนผสม
1.ปีกกลาง 500 กรัม
2.ซอสมะเขือเทศ 2 ถ้วย (ผมใช้ Rosa)
3.พริกเผาต้มยำ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันที่อยู่ในพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ ใครชอบหวานใส่น้ำตาลเพิ่มได้ครับ

วิธีทำ
1.หมักในตู้เย็นข้ามคืน หรือ 2 ชั่วโมงก็ได้ครับ ถ้าต้องการความอร่อยด่วนๆ แต่ทิ้งไว้ข้ามคืน เข้มข้นเข้าเนื้อมากกว่า
2.นำไปอบความร้อน 200 องศา ด้านละ 7 นาที หรือจนสุกเหลืองน่ารับประทาน
สามารถใช้ไมโครเวฟ หรือกริลในกระทะเทฟลอนได้ครับ

รสชาติจะออกเปรี้ยวเค็มหวาน รสจัดจ้านนิดนึง ทานคู่กับมะเขือเทศราชินีเข้ากันที่สุดในโลกาครับ จะบีบมะนาวนิดเพิ่มความจี๊ดก็ไม่ว่ากัน ผักแนมข้างๆพูดเลยกินร่วมกันได้ดีมากครับ ยกเว้นตระไคร้นะครับ

ปีกไก่ทอดพริกเกลือ


ปีกไก่ทอดพริกเกลือ จ้า ปกติทำแต่ปีกไก่ทอดเกลือ วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศนิดนึง ก็อร่อยไปอีกแบบ
มีรสชาติเผ็ดร้อนนิดๆ เรียกน้ำย่อยดีเลยทีเดียวเชียว 555

วัตถุดิบ
1 ปีกไก่กลาง เพื่อนๆจะผ่าครึ่งก็ได้นะคะ
2 แป้งสาลีอเนกประสงค์
3 ผงปรุงรส
4 พริกไทยป่น
5 พริกสับละเอียด
6 เกลือป่น
7 น้ำตาลทราย
8 ต้นหอมสับละเอียด
9 กระเทียมเจียว วันนี้ใช้แบบสำเร็จค่ะ ถ้าไม่มีเพื่อนๆก็เจียวเอง

วิธีทำ
1 ปรุงรสแป้งสาลีอเนกประสงค์ด้วยผงปรุงรสและพริกไทยป่น แอบชิมแต่ไม่ต้องกลืนค่ะ จะได้มั่นใจในความอร่อย
2 นำปีกไก่ลงไปคลุกแป้งแล้ว ทอดในน้ำมันปาล์ม ตั้งไฟกลางๆนะ ไก่จะได้สุกถึงด้านใน ทอดจนสุกเหลืองสวย ยกขึ้นพักไว้



3 ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย หรือถ้าเพื่อนๆชอบกระเทียมเจียวที่ไม่ร่วนก็ใส่น้ำมันเพิ่มได้ค่ะ แต่ในที่นี้ชอบแบบร่วนๆเลยใส่น้ำมันนิดเดียว ใช้ไฟอ่อนๆนะ ใส่กระเทียมเจียวลงไป ตามด้วยพริกสับ ต้นหอมสับ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ชิมดู ปรุงให้ได้รสชาติเค็มๆ แต่มีรสหวานๆของน้ำตาลมาช่วยตัดด้วย 




4 สุดท้ายนำไก่ทอดลงไปคลุกเคล้าในกระทะกระเทียมเจียว


ที่มา fb Fashion on food (อาหาร) จาก ชิ้งจ้า