วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคเกาต์



ทุกวันนี้คนจำนวนมากจึงหันมาสนใจและใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น เพราะรู้ว่ากินไม่ดีมีโอกาสเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ากินดีกินให้เหมาะสม นอกจากห่างไกลโรคแล้ว หลายโรคยังทุเลาเบาบางได้เช่นกัน แนวปฏิบัติตนในการกินเมื่อเป็นโรคเกาต์ดังนี้

1.ควรงดอาหารที่มีพิวรีนสูงอย่างเด็ดขาด ซึ่งได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก ปลาซาร์ดีน ไข่ปลา น้ำต้มกระดูก น้ำสกัดเนื้อ ผักยอดอ่อน เป็นต้น การกินอาหารที่มีพิวรีนสูงลดลงทำให้ร่างกายได้รับกรดยูริกลดลง


2.ควรกินอาหารประเภทข้าว-แป้งให้มากพอ (โดยทั่วไปวันละ 8-12 ทัพพี) เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องเผาผลาญโปรตีนที่มีอยู่ในกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นพลังงาน


3.ไม่ควรกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากเกินไป ควรกินพอประมาณ ละเว้นอาหารประเภทบุฟเฟต์หมูกระทะ


4.ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของผลึกกรดยูริก ป้องกันโรคนิ่วในไตได้


5.หมั่นกินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ช่วยให้ปัสสาวะมีภาวะเป็นด่าง ช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกายดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คนเป็นโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยงไม่กินผักยอดอ่อนจำพวก กระถิน ชะอม สะเดา เพราะผักเหล่านี้มีสารพิวรีนสูง


6.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันมาก ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีควบคุมน้ำหนักที่ถูกต้องและเหมาะสม เพราะอาหารเหล่านี้นอกจากจะให้พลังงานสูงแล้ว ยังทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงได้ ซึ่งจะไปขัดขวางการขับกรดยูริกออกจากร่างกายเช่นกัน


7.งดหรือลดการดื่มเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง เพราะเมื่อร่างกายเผาผลาญแอลกอฮอล์ จะทำให้มีการเพิ่มสารแล็กเทสในเลือด สารนี้จะไปยับยั้งการขับกรดยูริกออกจากไต

(เครดิตภาพ : travelnan, chiangmainews)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น