วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

“ผักดิบ” กินมากไปก็เป็นโทษ

 “ผักดิบ” กินมากไปก็เป็นโทษ
       พูดถึงอาหารสุขภาพ แน่นอนว่าจะต้องมีอาหารจำพวกผักอยู่ในนั้นด้วย อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “ผัก” นั้นมีประโยชน์มากมาย แต่หากว่าเรากินผักไม่ถูกวิธี ผักที่ว่าเป็นประโยชน์นั้นก็อาจจะกลายเป็นโทษไปก็ได้
       
       “108 เคล็ดกิน” จึงมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการกินผักดิบๆ มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นลองไปดูกันเลย
       
       “ถั่วงอก” เรากินกันทั้งแบบสุกและดิบ ใส่ในก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หรือจะนำไปผัดผัก กินแกล้มกับขนมจีนน้ำยา ฯลฯ ซึ่งในถั่วงอกนั้นมีทั้งโปรตีน วิตามินซี วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และเลซิธิน ทั้งหมดนี้เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากว่าจะเลือกกินถั่วงอกดิบก็ควรจะกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น เพราะในถั่วงอกดิบมีสารไฟเตด ที่จะส่งผลในการขัดขวางการดูดซึมสารบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย
       
       “ถั่วฝักยาว” มีเส้นใยอาหารสูง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี โปรตีน และมีธาตุเหล็ก แต่ถ้ากินถั่วฝักยาวดิบ ก็ไม่ควรกินเยอะเกินไป เพราะในถั่วฝักยาวดิบจะมีแก็สสูง โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งอาจทำให้ท้องอืดได้ เนื่องจากกระบวนการในการย่อยเมล็ดและเปลือกของถั่วฝักยาวโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
       
       “ผักตระกูลกะหล่ำปลี” ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี ในผักกลุ่มนี้จะมีสารกอยโตรเจน ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อย ในระยะยาวอาจจะเป็นโรคคอพอกได้ แต่ในระยะสั้น หากกินมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อย
       
       “หน่อไม้-มันสำปะหลัง” จะมีสารไซยาไนด์ ในรูปของ ไกลโคไซด์ ซึ่งมีผลต่อระบบประสาท ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มึนงง หมดสติ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจหยุดทำงานได้ ฉะนั้นควรจะนำไปปรุงสุก หรือนำไปต้มน้ำทิ้งก่อนนำมาปรุงอาหารต่อไป
       
       สำหรับผักทั้งหลายที่ “108 เคล็ดกิน” บอกมานี้ หากกินดิบในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่ได้เป็นพิษต่อร่างกาย การจะส่งผลเสียต่อร่างกายนั้น จะต้องกินผักชนิดนั้นๆ อย่างเดียว ในปริมาณมากเป็นกิโลกรัม หรือหลายๆ กิโลกรัม หลายๆ วันติดกัน แต่หากกินตามปกติในชีวิตประจำวัน กินผักหลายๆ ชนิดสลับกันไป ผักต่างๆ ก็จะกลับมาเป็นประโยชน์ให้กับร่างกายของเรา
       

สมุนไพร รักษาโรคอัลไซเมอร์



สมุนไพร รักษาโรคอัลไซเมอร์

1. เกสรดอกบัวหลวง 1 หยิบมือ
2. มะตูมแห้ง 3 แว่น คั่วในกระทะ
หรือย่างก่อนจะหอมยิ่งขึ้น
3. ตะไคร้สด 3 ต้น
4. ใบเตย 3 ใบ
5. น้ำ 1 ลิตร

นำทุกอย่างใส่หม้อต้มรวมกันจนเนื้อมะตูมแห้งบาน แล้วเก็บไว้ดื่มวันละ 1 แก้ว ใครมีญาติผู้ใหญ่เริ่มหลงๆ ลืมๆ ควรทดลองต้มให้ท่านดื่ม ได้ผล

หมายเหตุ: สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องกินตลอดไป พอความจำดีขึ้นก็หยุดกิน หากเริ่มกลับไปหลงๆ ลืมๆ อีก ก็ทำกินใหม่
- เกสรดอกบัวหลวง หาซื้อได้จากร้านขายยาจีนแผนโบราณ
- มะตูมแห้ง มีขายในตลาดสด ร้านขายของชำ หรือร้านค้าผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป
: สูตรนี้ นำมาจากตำราแพทย์แผนโบราณ
สูตรนี้ชีวอโรคยานำมาจากตำราแพทย์แผนโบราณ

ประโยชน์ของ ถั่วงอก



 ถั่วงอกพืชที่เรารู้จักและกินมานาน แต่จะรู้ไหมว่าถั่วงอกมีประโยชน์อย่างไร

คนจีนโบราณใช้ถั่วเหลืองงอกเป็นแหล่งวิตามินซีในฤดูหนาวที่ผักและผลไม้หายาก โดยเฉพาะกะลาสีเรือจะเพาะถั่วงอกกินในเรือเพื่อป้องกันและรักษาโรคลักปิด ลักเปิด เป็นอันรู้กันว่าถั่วเหลืองงอกมีวิตามินซี ส่วนถั่วเหลืองดิบ และเต้าหู้ที่ผลิตจากถั่วเหลืองก็หามีวิตามินซีไม่

เมื่อนำถั่วเหลืองมาเพาะเป็นถั่วงอกจะมีวิตามินซีสูง (ถั่วงอก 100 กรัม มีวิตามินซี 5 มิลลิกรัม) ส่วนโปรตีนในถั่วงอกมีมากกว่าถั่วธรรมดาเล็กน้อย นอกจากนั้นการงอกยังทำให้ เกิดวิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ ถั่วงอกมีธาตุเหล็กที่ร่างกายย่อยได้ง่ายกว่าผักอื่นๆ มีวิตามินบี 17 และมีสารเลซิธิน (Lecithin) ช่วยบำรุงประสาทและการทำงานของสมอง ที่สำคัญและน่าสนใจสุดๆ สำหรับหนุ่มสาวที่ไม่อยากแก่ ถั่วงอกสดๆ มีพลังชีวิตซึ่งทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่แก่เร็ว เนื่องจากในถั่วงอกมีสารต้านความแก่ชื่อ ออซินอน (Auxinon) มีคุณสมบัติช่วงให้ร่างกายเป็นหนุ่มสาวได้นาน ไม่แก่เกินวัยไปก่อนจะถึงเวลาอันควร

ถั่วงอกเป็นแหล่งวิตามิน การแพทย์จีนจึงนำถั่วงอกหัวโตไปต้มแกงจืดกิน ช่วยขับเสมหะ ทำให้ปอดโล่ง และขับปัสสาวะและเนื่องจากโมเลกุลของสารอาหารในเมล็ดของถั่วที่งอกได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ใน ลักษณะที่ร่างกายเราสามารถย่อยได้ง่าย โปรตีนถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน แป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตธรรมดาหรือกลูโคส และไขมันเป็นกรดไขมันเรียบร้อยแล้วถั่วงอกจึงเป็นอาหารที่ย่อยง่ายมากๆ เมื่อเรารับประทานจึงเท่ากับช่วยประหยัดการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ลดของเสียและสิ่งตกค้าง (toxin)ในร่างกาย เมื่อระบบร่างกายไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ร่างกายจึงเสื่อมช้า ไม่แก่เร็ว

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตำมะขามอ่อน



“ตำมะขามอ่อน” แค่ชื่อก็เปรี้ยวปากแล้ว ในมะขามอ่อนมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยปรับสมดุลและทำความสะอาดระบบขับถ่าย และมีแคลเซียม ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง มีทั้งประโยชน์ทั้งอร่อยขนาดนี้ พลาดไม่ได้

ส่วนผสม
มะขามอ่อน 150 กรัม
ปูเค็ม 1 ตัว
น้ำปลาร้าต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสีแดง 5-7 เม็ด
กระเทียมกลีบเล็ก 5 กลีบ
มะกอกสุกหั่นชิ้น 1 ลูก
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเปราะสีม่วงหั่นชิ้น 1 ลูก
มะเขือเปราะสีเหลืองหั่นชิ้น 1 ลูก



วิธีทำ
1. โขลกพริกขี้หนู และกระเทียมพอหยาบ
2. ใส่มะขามอ่อนโขลกพอหยาบ ใส่ปูเค็ม มะกอก
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ คนพอเข้ากัน
4. ใส่มะเขือเปราะสีม่วง มะเขือเปราะสีเหลือง โขลกพอเข้ากันดี ตักใส่จาน 
“เคล็ดลับที่ง่ายๆคือ ให้นำมะขามอ่อนไปต้มน้ำก่อนประมาณ 5 นาที จะทำให้ขูดเปลือกสีน้ำตาลออกได้อย่างง่ายดาย”

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แกงส้มกุ้งชะอมไข่(Hot and sour curry with shrimps + acacia omelette.)



แกงส้มกุ้งชะอมไข่(Hot and sour curry with shrimps + acacia omelette.)
ใครอยากทานบ้าง มาดูส่วนผสมกัน
* กุ้งขนาดกลาง 8-10 ตัว (ทำความสะอาด, ปอกเปลือก)
* เนื้อปลา 200 กรัม(ถ้าแกงแบบใต้จะไม่ใส่เนื้อปลา)
* น้ำพริกแกงส้ม 4 ช้อนโต๊ะ(ถ้าเครื่องแกงส้มหรือแกงเหลืองใต้ก็จะมีกระเทียม,พริกสดหรือพริกแห้งสีแดง,ขมิ้น,กะปิ)
* น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ(ใส่เกลือแทนก็ได้)
* น้ำตาล 1 ช้อนชา
* น้ำมะนาว
* ชะอม 1 กำ (ทำไข่เจียวชะอม, จะไม่มีก็ได้)
* ไข่ไก่ 3 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)


วิธีทำทีละขั้นตอน
1. นำเนื้อปลาไปลวกให้สุกในน้ำร้อน จากนั้นนำเนื้อปลาออกมาบดให้เละ (ถ้ามีก้าง ก็ให้เอาออกด้วย) จากนั้นนำเนื้อปลาไปตำในครกกับน้ำพริกแกงส้มจนเข้ากันดี จึงนำออกมาเตรียมไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป
2. ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จึงใส่น้ำพริกแกงส้มที่ผสมกับเนื้อปลา (ขั้นตอนที่ 1) รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะขามและน้ำตาล
3. เติมกุ้งและไข่เจียวชะอม (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูด้านล่าง) รอจนแกงส้มเดือดอีกครั้ง จึงปิดไฟ ถ้าชอบเปรี้ยวอาจเติมน้ำมะนาวเพิ่มอีกได้ เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ


วิธีทำไข่เจียวชะอม :
1. ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว
2. นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟปานกลาง ใส่ไข่และชะอมลงไปทอด รอจนกระทั่งสุกเหลืองดี จึงปิดไฟและนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ และนำไปใช้ในการปรุงกับแกงส้ม หรือทานกับน้ำพริกอื่นๆก็ได้

ประโยชน์ของพริกขี้หนูที่เป็นสรรพคุณทางยา



พริกขี้หนู


ชื่ออื่นๆ : ครี ดีปลี ดีปลีขี้นก ปะแกว พริก พริกขี้นก พริกแด้ พริกแต้ พริกนก มะระตี้ มือซาซีซู ฯลฯ นอกจากให้รสชาติอาหารเผ็ดร้อนแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ลดการอุดตันหลอดเลือด ลดโคเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปอดและช่องปาก บรรเทาอาการเจ็บปวด ช่วยเสริมสร้างอารมณ์สดชื่น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญร่างกาย แก้พิษกัดต่อย ขับลมในลำไส้ แก้ไอ แก้เสมหะ แก้ปวด แก้เจ็บคอ แก้อาหารไม่ย่อย แก้เบื่ออาหาร บำรุงธาตุเป็นยากระตุ้น ลดอาการไขข้ออักเสบ

สรรพคุณ
- ใบ แก้อาการคันที่เกิดจากมดคันไฟ
- ผล ขับลม ช่วยเจริญอาหาร รักษาโรคเกาต์

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

13 อาหารใกล้ตัวเพื่อสุขภาพตับที่ดี



ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่หลายอย่างไม่ว่าจะผลิตน้ำดี ดักจับเชื้อโรค กำจัดของเสีย สะสมกลูโคส วิตามิน ฯลฯ แต่ถ้าตับป่วยล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ จะแนะนำวิธีทำความสะอาดเพื่อให้ตับมีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

1. เลมอน

น้ำเลมอนช่วยทำความสะอาดตับหรือดีท็อกได้ดี อย่าลืมดื่มวันละแก้วก่อนออกจากบ้านนะครับ


2. ผักและผลไม้สีสด

ดร. Sandra Cabot กล่าวว่าผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใสเช่นสีส้ม แดง ม่วงสด จะประกอบด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยทำความสะอาดตับได้อย่างดีเชียวล่ะครับ


3. บร็อคโคลี่

สารอาหารในผักสีเขียวจะแตกตัวเป็นสารซัลโฟราเฟน ซึ่งจะช่วยเร่งปฏิกิริยาในการกำจัดพิษในร่างกายได้ อย่าลืมทานบร็คโคลี่กันเยอะๆนะครับ


4. กระเทียม

กระเทียมช่วยเร่งเอนไซม์ตับเพื่อกำจัดของเสียออก นอกจากนั้นการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่ากระเทียมยังช่วยลดและป้องกันการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย


5. ส้ม

ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อตับมากที่สุดคือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เพราะมีส่วนประกอบเป็นกรดออร์แกนิคซึ่งช่วยล้างตับได้ดีทีเดียวนะครับ


6. ผักสีเขียวเข้ม

ผักที่มีสีเขียวเข้มอย่างเช่นผักโขม บร็อคโคลี่ กะหล่ำ เป็นแหล่งไฟเบอร์ลดความอ้วนอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ใครไม่ชอบทานผักแย่เลย


7. บีทรูต

บีทรูตประกอบด้วยสารบีเทนซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์พบว่าสารนี้สามารถป้องกันความอ้วนสะสมที่เกิดขึ้นจากตับได้


8. น้ำมันจากพืช

น้ำมันจากพืชอย่างเช่นน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วมะคาเดเมีย อโวคาโด และน้ำมันมะพร้าวก็ช่วยล้างตับได้


9. กะหล่ำบรัสเซลส์

พืชตระกูลกะหล่ำเช่น กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ และกะหล่ำบรัสเซลส์ ประกอบด้วยกลูโคซิโนเลต ซึ่งแตกย่อยเป็นซัลเฟอร์ช่วยดูแลและบำรุงรักษาตับที่ทำงานหนัก รวมถึงกำจัดพิษด้วย


10. ถั่ว

พืชตระกูลถั่วมีไฟเบอร์ แคลเซียม แม็กนีเซียม และโปรตีนที่นำไปใช้ได้เลยสูง ซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพน้ำตาลในเลือด และยังช่วยกำจัดสิ่งเจือปนที่ติดค้างอยู่ในลำไส้ด้วยนะครับ


11. หัวหอม

หัวหอมเป็นแหล่งรวมของสารซัลเฟอร์ซึ่งรู้จักกันดีในเรื่องกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซัลเฟอร์เป็นสารดีท็อกอย่างดีช่วยล้างพิษโดยเฉพาะในตับเลยนะครับ


12. แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลมาไฟเบอร์ช่วยลดความอ้วนและยังช่วยทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และกำจัดของเสียในระบบย่อยอาหาร


13. อาหารเสริม

อาหารเสริมที่ประกอบด้วยสาหร่ายสไปรูลิน่า ดอกพริมโรส เซนต์แมรี่ และขมิ้นคืออาหารเสริมที่ช่วยทำความสะอาดตับได้อย่างดีเลยล่ะ

เห็นมั้ยครับ อาหารแต่ละอย่างหาไม่ยากเลย ถ้าไม่เกินความสามารถก็พายามหามาทานนะครับ จะได้มีสุขภาพตับที่ดี