วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เมนูวันนี้ น้ำพริกปลาร้าทรงเครื่อง
ส่วนผสมสำหรับทำ น้ำพริกปลาร้าทรงเครื่อง
1. ปลาร้า (ควรเลือกเอาที่หมัก ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี เพราะเนื้อปลายังเยอะ)
2. พริกป่น (ต้องคั่วและป่นใหม่ๆ)
3. ข้าวคั่วหอมๆ
4. น้ำมะขาม
5. น้ำตาล
6. น้ำมันหอย
7. หัวหอม ตะไคร้ ใบมะกูด กระเทียม
8. น้ำมันพืช
... ขั้นตอนการทำ น้ำพริกปลาร้าทรงเครื่อง
1. นำปลาร้าไปสับละเอียด
2. นำ หัวหอม ตะไคร้ ใบมะกูด กระเทียม ไปคั่วให้หอม แล้วโขลกละเอียด
3. นำปลาร้า ลงครก ตามด้วย พริกป่น ข้าวค่ัว และ หัวหอม ตะไคร้ ใบมะกูด กระเทียม ไปคั่วให้หอม ที่โขลกละเอียดแล้ว โขลกให้เข้ากัน
4. นำกะทะตั้งไฟให้ร้อน ตามด้วยน้ำมันพืช แล้วนำปลาร้าที่ปรุงโขลกผสมเครื่องแล้ว ลงกะทะ แล้วตามด้วยน้ำมะขาม น้ำมันหอย และน้ำตาลใส่ตามความชอบ เพราะเราไม่ใส่ชูรส ผัดให้เข้ากันให้หอม
แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ กินกับผักสด ลวกตามต้องการ นะครับผม
วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
แฮกึ๊นเผือกเห็ดฟางเจ หอม กรอบ อร่อย ไร้เนื้อสัตว์
แฮกึ๊น หรือ แฮ่กึ๊น เมนูอาหารเรียกน้ำย่อยทอดกรอบ ๆ กินกับน้ำจิ้มบ๊วย หอม อร่อย แต่ในวันนี้เราจะเสิร์ฟมาในรูปแบบของเมนูเจไร้เนื้อสัตว์ แฮกึ๊นเผือกเห็ดฟางเจ ที่รับรองความอร่อยสูสีแบบไม่เจแน่นอน และใครที่อยากรู้ว่า แฮกึ๊นที่ว่ามีขั้นตอนการทำอย่างไร เรามีสูตรจาก คุณ swin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝาก ใครที่ชอบกินแฮกึ๊นอยู่แล้วก็ลองนำไปทำกันดูนะคะ
ส่วนผสม
เผือกซอย
เห็ดฟางสับ
แป้งมัน
ซีอิ๊วขาว
แผ่นฟองเต้าหู้
น้ำจิ้มบ๊วย
วิธีทำ
นำเผือกซอย 2 ส่วน กับเห็ดฟาง 1 ส่วน ผสมกับแป้งมัน (ในปริมาณที่สามารถยึดเผือกและเห็ดฟางเข้าด้วยกันได้) เติมน้ำเล็กน้อย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
ตักส่วนผสมวางลงบนแผ่นฟองเต้าหู้ ห่อเป็นท่อน ๆ นำไปนึ่งประมาณ 15 นาที
นำออกมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ประมาณ 7-10 มิลลิเมตร แล้วนำไปทอดให้ผิวกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
ผัก 36 ชนิด (ไม่กินไม่ได้แล้ว) โดยเฉพาะรายการสุดท้าย
1. สะเดา ( Neem tree)มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
2. ผักกาดขาว ( Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหารขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูงบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
3. ต้นหอม ( Shallot) หอมระเหย บรรเทา อาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
4. แครอท ( Carrot) เบต้าแคโรทีน ป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับคลอเลสเตอรอลได้
5. หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสาร ฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6. คะน้า ( Chinese kale) มีแคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรค กระดูกพรุน และมะเร็ง
7. พริก ( Chilli) มีแคปไซซิน กระตุ้นการ ขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
8. กระเจี๊ยบเขียว(Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะ หรือ ลำไส้อักเสบ
9. ผักกระเฉด ( Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10. ตำลึง ( Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11. มะระ ( Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาล ในเลือด
12. ผักบุ้ง ( Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอ บำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13. ขึ้นฉ่าย ( Celery) กลิ่นหอมช่วยเจริญ อาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14. เห็ด ( Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูงช่วยในการดูดซึม แคลเซียมเสริมกระดูกและฟัน
15. บัวบก ( Indian pennywort)มี วิตามินบีสูงช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายบำรุง สมองและความจำบำรุงผิวพรรณลดอาการ อักเสบ
16. สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่นทำให้ ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17. ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะมีแคลเซียมสูง
18. ชะอม ( Cha-om) ช่วยลดความร้อน ในร่างกาย ขับลมในลำไส้มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
19. หัวปลี ( Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง
20. กระเทียม ( Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็กวิตามินซีสูง
21. โหระพา ( Sweet basil) น้ำมันหอม ระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีนแคลเซียม
22. ขิง ( Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อนแก้อาการ ท้องอืดท้องเฟ้อ
23. ข่า ( Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24. กระชาย ( Wild ginger) บรรเทา อาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามิน เอและแคลเซียม
25. ถั่วพู ( Winged bean) ให้คุณค่าทาง อาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
26. ดอกขจร ( Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
27. ถั่วฝักยาว ( Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด
28. มะเขือเทศ ( Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29. กะหล่ำปลี ( White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็น สารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง
30. มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลด ความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
31. ผักชี ( Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอม ระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32. กุยช่าย ( Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสียมีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33. ผักกาดหัว ( Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะเพิ่มภูมิต้านทางโรคมีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
34. กะเพรา ( Holy basil) แก้อาการ จุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้
35. แมงลัก ( Hairy basil) ช่วยย่อย อาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36. ดอกแค ( Sesbania) กินแก้ไข้ช่วง ที่อากาศเปลี่ยนแปลงเป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
โอรีโอ้พุดดิ้งป๊อป ขนมหวานแนว ๆ น่าลองทำ
เลิก ! บิด ชิมครีม จุ่มนม ได้แล้ว จับโอรีโอ้มาทำโอรีโอ้พุดดิ้งป๊อป ขนมหวานแนว ๆ แบบนี้ดีกว่า อินเทรนด์กว่าเยอะ แถมวิธีทำง่ายมาก ส่วนผสมแค่ 3 อย่าง ท้าให้ลองเลย
มีใครเห็นโอรีโอ้พุดดิ้งป๊อปแบบนี้แล้วไม่อยากลองทำบ้าง โอรีโอพุดดิ้งป๊อป (OREO Pudding Pops) เนื้อพุดดิ้งเด้งดึ๋งแช่เย็น ๆ รสไวท์ช็อกโกแลตหวานอร่อย กรุบกรอบเบา ๆ ไปกับโอรีโอ้ ทำคล้าย ๆ ไอศกรีม เสิร์ฟแบบเก๋ ๆ ไม่ซ้ำใครด้วย ลองเลื่อนลงไปดูส่วนผสมแล้วหาซื้อมาให้ครบ บอกเลยว่าของแบบนี้ต้องลองเอง แล้วจะรู้
สิ่งที่ต้องเตรียม
ส่วนผสม
ผงพุดดิ้งรสไวท์ช็อกโกแลตสำเร็จรูป 1 กล่อง
โอรีโอ้ 16 ชิ้น
นมสด 2 ถ้วย
ไม้ไอศกรีม 6 แท่ง
ถ้วยกระดาษ หรือพิมพ์ไอศกรีม 6 ถ้วย
วิธีทำ
1.ผสมนมสดกับผงพุดดิ้งให้เข้ากัน
2. หักโอรีโอ้ 10 ชิ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในส่วนผสมพุดดิ้ง คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. บดโอรีโอ้ที่เหลืออีก 6 ชิ้นด้วยเครื่องบดอาหาร หรือเครื่องปั่นให้ละเอียด เตรียมไว้
4. ตักส่วนผสมพุดดิ้งใส่ลงในพิมพ์ โรยด้านบนด้วยโอรีโอ้บด
5. เสียบไม้ไอศกรีมลงไป จากนั้นนำเข้าแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
6. พอครบเวลานำออกจากช่องแช่แข็ง นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วิจัยพบอาหารไทย 22ต้านโรคมะเร็งได้ มีอะไรข้างมาดูกัน
วิจัยพบอาหารไทย 22 ตำรับลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ผัดคะน้าน้ำมันหอยสุดยอด ยับยั้งการเกิดสารก่อมะเร็งในอาหารปิ้ง ย่าง รมควันมากที่สุด รองลงมาคือไก่ทอดสมุนไพร ทอดมันปลากราย
น.ส.มลฤดี สุขประสารทรัพย์ นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การควบคุมของ รศ.ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ หัวหน้าฝ่ายพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ อาจารย์ที่ปรึกษา ด้วยการสนับสนุนของสภาวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมว่า ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยถึงแบบจำลองที่เลียนแบบการกินอาหารที่มีสารก่อกลายพันธุ์ หรือสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารประเภทปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ต้มตุ๋นเป็นระยะเวลานานๆ เกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป ก็เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเช่นกัน
ทั้งนี้ได้นำอาหารดังกล่าวมาทำปฏิกิริยากับสารไนไตรท์ หรือดินประสิว ในสภาวะคล้ายการย่อยอาหารของคนเรา แล้วกินอาหารไทยร่วมด้วยจำนวน 22 ตำรับ คือ
แกงเลียง
แกงส้มผักรวม
แกงเผ็ดเป็ดย่าง
แกงเขียวหวานไก่
แกงจืดตำลึง
แกงจืดวุ้นเส้น
ต้มยำกุ้ง
ต้มยำเห็ด
ผัดคะน้าน้ำมันหอย
ผัดผักรวมน้ำมันหอย
ผัดกระเพรากุ้งใส่ถั่วฝักยาว
ยำวุ้นเส้น ส้มตำไทย
เต้าเจี้ยวหลน
น้ำพริกกุ้งสด
น้ำพริกลงเรือ
ไก่ทอดสมุนไพร
ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่และมะเขือเทศ
ฉู่ฉี่ปลาทับทิม
ทอดมันปลากราย
ห่อหมกปลาช่อนใบยอ
น.ส.มลฤดีกล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้ได้ใช้สารสกัดจากอาหารไทย 22 ตำรับ ซึ่งแต่ละชนิดถูกเติมลงในสารละลายของแต่ละแบบจำลอง แล้วนำมาทดสอบการก่อกลายพันธุ์ โดยการศึกษาการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์ของสารเคมีที่เป็นตัวแทนสารพิษ ที่ได้จากการกินเนื้อสัตว์ปิ้ง ย่าง รมควัน คือสารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons, PAHs) ระหว่างทำปฏิกิริยากับไนไทรต์ พบว่า กลุ่มอาหารไทยที่ให้ผลในการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์ระดับสูงได้แก่ ผัดคะน้าน้ำมันหอย ไก่ทอดสมุนไพร ทอดมันปลากราย แกงเลียง ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่และมะเขือเทศ ผัดกะเพรากุ้งใส่ถั่วฝักยาว แกงเผ็ดเป็ดย่าง แกงจืดตำลึง ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ส้มตำไทย และผัดผักรวมน้ำมันหอย
"สารสกัดจากผัดคะน้าน้ำมันหอยสามารถยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์มากที่สุด ส่วนเมนูอื่นๆ มีผลยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย" น.ส.มลฤดีกล่าว
น.ส.มลฤดีระบุว่า กลุ่มอาหารไทยที่ให้ผลในการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์ระดับกลาง ได้แก่ ฉู่ฉี่ปลาทับทิม น้ำพริกลงเรือ ห่อหมกปลาช่อนใบยอ แกงจืดวุ้นเส้น แกงเขียวหวานไก่ แกงส้มผักรวม และต้มยำเห็ด เรียงตามลำดับ ส่วนกลุ่มอาหารไทยที่ให้ผลในการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์น้อยที่สุด เรียงตามลำดับจากน้อยถึงน้อยมากที่สุดคือ แกงจืดวุ้นเส้น แกงจืดตำลึง ส้มตำไทย ต้มยำเห็ดและแกงส้มผักรวม
ในส่วนของการศึกษาการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์ของสารเคมีที่เป็นตัวแทนสารพิษ คือ เฮทเทอโรไซคลิก เอมีน (Heterocyclic Amines) ที่ได้จากการต้มปลาเป็นเวลานานระหว่างทำปฏิกิริยากับไนไตรท์นั้น น.ส.มลฤดี กล่าวว่า ผลการยับยั้งแสดงในระดับปานกลาง ซึ่งสารสกัดจากส้มตำไทยให้ผลดีที่สุด รองลงมาคือแกงส้มผักรวม ส่วนตำรับอาหารต่างๆ ที่ให้ผลรองลงมาได้แก่ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผัดผักรวมน้ำมันหอย แกงเลียง ยำวุ้นเส้น ผัดคะน้าน้ำมันหอย ไก่ทอดสมุนไพร ฉู่ฉี่ปลาทับทิม ห่อหมกปลาช่อนใบยอ แกงเขียวหวานไก่ ทอดมันปลากราย แกงเผ็ดเป็ดย่าง น้ำพริกลงเรือ ผัดกะเพรากุ้งใส่ถั่วฝักยาว ต้มยำเห็ด แกงจืดวุ้นเส้น ต้มยำกุ้ง น้ำพริกกุ้งสด แกงจืดตำลึง และไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่และมะเขือเทศ ตามลำดับ สำหรับเต้าเจี้ยวหลนไม่แสดงผลการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์
"ส่วนการศึกษาการยับยั้งการเกิดสารก่อกลายพันธุ์ของสารเคมีที่เป็นตัวแทนสารพิษ เฮทเทอโรไซคลิก อะมีน ที่ได้จากเนื้อตุ๋นเป็นเวลานานระหว่างทำปฏิกิริยากับไนไตรท์พบว่า ผลการยับยั้งแสดงในระดับต่ำ โดยสารสกัดจากส้มตำไทยให้ผลดีที่สุด รองลงมาได้แก่ ยำวุ้นเส้น แกงเลียง ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แกงเผ็ดเป็ดย่าง แกงเขียวหวานไก่ ทอดมันปลากราย ต้มยำกุ้ง แกงส้มผักรวม และผัดผักรวมน้ำมันหอยตามลำดับ" น.ส.มลฤดีกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
ส่วนผสม
เนื้อปลาเก๋า
น้ำสำหรับลวกปลา
เกลือป่น เล็กน้อย
ขึ้นช่าย หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
กระเทียม โขลกพอหยาบ
น้ำมันพืชสำหรับเจียวกระเทียม
พริก
กระเทียม
หอมแดง
เต้าเจี้ยว
น้ำมะนาว
น้ำตาล
วิธีทำ
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
หั่นเนื้อปลาเก๋าเป็นชิ้น ๆ
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
ต้มน้ำให้เดือด เติมเกลือลงไปเล็กน้อย (เพื่อไม่ให้ปลาเหม็นคาว) จากนั้นนำปลาเก๋าลงไปลวกในน้ำเดือดพอสุก
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
ตักเนื้อปลาขึ้นสะเด็ดน้ำ
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
ตักเนื้อปลาใส่จาน เตรียมไว้
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
นำกระเทียมที่โขลกไว้ไปเจียวกับน้ำมันจนเหลืองกรอบ
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
นำกระเทียมเจียวและขึ้นช่ายไปโรยลงบนเนื้อปลาเก๋าลวกที่เตรียมไว้
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
สับพริก กระเทียม และหอมแดงที่ล้างสะอาดแล้วพอหยาบ ใส่ถ้วย
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
เติมเต้าเจี้ยวลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว และน้ำตาลทราย
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แต่งด้วยใบขึ้นฉ่ายเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมปลาเก๋าลวกจิ้มที่เตรียมไว้
ปลาเก๋าลวกจิ้ม สูตรทำง่ายใน 15 นาที
โอ้ล่ะพ่อ ! ปลาเก๋าลวกจิ้ม แค่เห็นภาพก็น้ำลายไหลพรวด ๆ ใครจะไปรู้ว่าทำง่าย ๆ ใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง หิวเลย
10 ประโยชน์ของน้ำส้มสายชูที่คุณควรรู้
1. แก้ปัญหาท่ออุดตัน ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยกับเบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วย เทลงในท่ออ่างล้างจาน รอให้ฟองหายไปหมด แล้วล้างออกด้วยน้ำร้อน
2. ลบคราบเทปกาว ฉีดน้ำส้มสายชูไปที่คราบเทปกาว รอสักพัก แล้วเช็ดคราบออก
3. กำจัดกลิ่นถังขยะ ราดน้ำส้มสายชูบนขนมปังให้ชุ่ม ห่อด้วยกระดาษแล้วทิ้งไว้ก้นถังขยะข้ามคืน
4. ทำน้ำยาทำความสะอาดด้วยตัวเอง เทน้ำส้มสายชูลงในกระบอกฉีดน้ำประมาณ 1/3 ขวด เติมน้ำจนเกือบเต็มขวดและผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย เขย่าให้เข้ากัน ก็ใช้ทำความสะอาดได้ทั้งครัวและห้องน้ำ
5. ทำกับดักแมลงวัน เทน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) ลงในถ้วยใบเล็ก ครอบปากถ้วยด้วยพลาสติกห่ออาหาร ใช้มีดเจาะพลาสติกประมาณสองสามรูเพื่อล่อแมลง
6. ลบรอยย่นบนเสื้อผ้า ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนต่อน้ำ 3 ส่วน ฉีดน้ำยาที่ผสมแล้วบนรอยยับ แขวนเสื้อผ้าทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้รอยยับคลายตัว
7. แก้ปัญหาแมวข่วนเฟอร์นิเจอร์ ฉีดน้ำส้มสายชูลงบนเฟอร์นิเจอร์เล็กน้อย แมวเกลียดกลิ่นน้ำส้มสายชู มันจะไม่เข้าใกล้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นเลย
8. รักษาความสดของดอกไม้ ผสมน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ลกับน้ำ เติมลงในแจกันดอกไม้
9. ทำความสะอาดแว่นตา ฉีดน้ำส้มสายชูที่เลนส์แว่นเล็กน้อย เช็ดด้วยผ้านุ่มๆ
10. กำจัดคราบบนกระทะ ผสมน้ำส้มสายชู 1 – 2 ถ้วยกับน้ำในอัตราส่วนเดียวกัน เทลงบนกระทะ ตั้งไฟให้เดือดประมาณ 5 นาที
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)